เพราะใบหน้าและผิวพรรณเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เราได้พบเจอ และยังช่วยเสริมบุคลิกและภาพลักษณ์ในการทำงาน เมื่อใดที่มีสิวเกิดขึ้น เรื่องสิวจึงไม่ใช่แค่เรื่องสิว ๆ สำหรับใครที่กำลังหนักใจกับปัญหานี้ ต้องไม่พลาดข้อมูลที่เรานำมาฝากกัน เริ่มตั้งแต่กลไกการเกิด สาเหตุ ประเภทของสิว ไปจนถึงการรักษาสิวในแต่ละระดับความรุนแรง และขาดไม่ได้คือเคล็ดลับให้ห่างไกลจากสิวที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้
กลไกการเกิดสิว
สิวเกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมัน โดยมักเกิดในบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมากและมีการทำงานมาก เช่น หน้าอก ไหล่ หลัง และที่สร้างความหนักใจให้หลายคนคือบริเวณใบหน้า กลไกการเกิดสิวจะเริ่มขึ้นเมื่อร่างกายในส่วนนั้น ๆ ผลิตไขมันออกมามาก และไขมันเหล่านั้นได้ผสมเข้ากับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เป็นผลให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน และเมื่อเม็ดเลือดขาวออกมาทำหน้าที่กำจัดแบคทีเรีย ความอักเสบจึงเกิดขึ้น ซึ่งความรุนแรงของการอักเสบจะก่อให้เกิดสิวในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
สาเหตุก่อสิว
สาเหตุของการเกิดสิวแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ นั่นคือ ปัจจัยภายใน เช่น พันธุกรรม กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนที่ขาดสมดุลจากปัจจัยต่าง ๆ และการป่วยเป็นโรคบางชนิด เป็นต้น อีกกลุ่มหนึ่งคือ ปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ อุณหภูมิ แสงแดด แบคทีเรีย อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลและจัดแต่งทรงผม เป็นต้น โดยทั้งสองปัจจัยนี้เป็นตัวการให้เกิดหนึ่งในกระบวนการก่อสิว 4 รูปแบบ ได้แก่
· Seborrhea เป็นการก่อสิวที่เกิดจากการที่ต่อมไขมันมีการผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
· Hyperkeratosis เป็นการอุดตันของต่อมไขมันที่เกิดจากความผิดปกติของการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหนังชั้นนอกสุดหนาตัวขึ้นมากกว่าปกติ จึงไปรบกวนการขับไขมันออกนอกผิวหนังนั่นเอง
· Microbial Colonization เป็นการก่อสิวที่เกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ที่บริเวณรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดการอักเสบตามมา
· Inflammation เป็นการก่อสิวที่เกิดการอักเสบของร่ายกาย ถ้าหากไม่รุนแรงมากจะเกิดเป็นแค่สิวบวมแดง แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงขึ้นแปลว่าการอักเสบได้ขยายตัวไปยังเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง
ประเภทของสิว
เราสามารถแบ่งสิวออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ ตามอาการอักเสบ ได้แก่
· สิวที่ไม่มีการอักเสบ เช่น สิวหัวปิด (สิวหัวขาว) และสิวหัวเปิด (สิวหัวดำ) หรือที่เราเรียกกันว่าสิวอุดตัน เพราะสิวชนิดนี้เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน
· สิวที่มีการอักเสบ เช่น สิวอักเสบ (มีตุ่มนูนสีแดงขนาดเล็ก) สิวตุ่มหนอง (มีตุ่มหนอง ซึ่งแบ่งเป็นชนิดตื้น และชนิดลึก) สิวตุ่มใหญ่ (มีลักษณะเป็นก้อนสีแดงขนาดใหญ่ อาจพบหลายหัวสิวที่เกิดติดกัน) สิวหัวช้าง (สิวอักเสบขนาดใหญ่) และสิวที่มีการทำลายของผิวจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์ สิวประเภทนี้เกิดจากการอุดตันของสิวที่มีอาการอักเสบ ซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นสิวอุดตันแล้วไม่ได้รับการรักษาหรือติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณรูขุมขน
ระดับความรุนแรงของอาการและการรักษา
เกณฑ์ในการแบ่งระดับความรุนแรงของสิวคือ จำนวนจุดและลักษณะที่เกิดขึ้นนั่นเอง
- สิวเล็กน้อย มีสิวที่ไม่อักเสบเป็นส่วนใหญ่ หรือมีสิวอักเสบ/สิวตุ่มหนอง ไม่เกิน 10 จุด ถือว่าเป็นขั้นที่ยังไม่มีความรุนแรง สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาทา ตัวอย่างข้อมูลยาหรือส่วนประกอบของยาที่ใช้รักษาสิว เช่น Benzoyl Peroxide (ชนิดทา) 2.5%-5%, Topical retinoids 0.01%-0.1%, Clindamycin 1% Solution, Erythromycin 2%-4% Solution, Salicylic Acid และ Azelaic Acid
- สิวปานกลาง มีสิวอักเสบ/สิวตุ่มหนองขนาดเล็กมากกว่า 10 จุด และ/หรือมีสิวตุ่มใหญ่น้อยกว่า 5 จุด ระยะนี้มีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยควรใช้ยาทาร่วมกับยารับประทานที่เป็นยาปฏิชีวนะ เช่น Tetracycline, Erythromycin หรือ Doxycycline โดยต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์หรือเภสัชกร
- สิวรุนแรง มีสิวอักเสบ/สิวตุ่มหนอง จำนวนมาก หรือมีสิวตุ่มใหญ่/หิวหัวช้าง จำนวนมาก หรือมีสิวตุ่มใหญ่ที่เกิดการอักเสบเป็นเวลานานและกลับมาเป็นซ้ำ หรือมีหนองไหล ในระยะนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงรายบุคคล
เคล็ดลับห่างไกลสิว
หัวใจสำคัญและถือเป็นด่านแรกของการห่างไกลจากสิวคือ การล้างหน้าอย่างหมดจด โดยเน้นเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อมอบความสะอาด และคงสมดุลความชุ่มชื้นของผิวหน้าเอาไว้ นอกจากการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ควรให้ความสำคัญกับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเน้นรับประทานผักผลไม้ เลี่ยงอาหารรสจัด หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนอย่างเพียงพอ ที่สำคัญคือดูแลจิตใจและหากิจกรรมเพื่อผ่อนคลายความเครียด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว
สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories
แหล่งที่มาของข้อมูล
· คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลรามาธิบดี
https://www.rama.mahidol.ac.th/rama_hospital/th/services/knowledge/10212020-1159
· คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=781
· โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/november-2019/know-about-acne
· โรงพยาบาลสุขุมวิท
https://www.sukumvithospital.com/healthcontent.php?id=194
