ขึ้นชื่อว่าหนึ่งในอาหารที่กินแทนขนมได้และดีต่อสุขภาพ แน่นอนว่าอัลมอนด์จะเป็นสิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง และในปัจจุบัน นอกจากจะสามารถกินอัลมอนด์ได้ในรูปแบบของถั่วแล้ว ก็ยังมีการแปรรูปเป็นแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น นม โยเกิร์ต เนยอัลมอนด์ หรือแป้งอัลมอนด์ เพื่อนำไว้ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำขนมทดแทนแป้งสาลีอีกด้วย นั่นก็เพราะว่าอัลมอนด์นั้นมีคุณประโยชน์มากมายนั่นเอง แต่จะมีดียังไงบ้างนั้น มาหาคำตอบกันได้ที่นี่เลย
อัลมอนด์ดีต่อสุขภาพอย่างไร
อัลมอนด์ มีส่วนประกอบของไขมันดีและมีสารอาหารต่าง ๆ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ จึงมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ลดไขมันในเลือดซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงโรคเบาหวาน อีกทั้งยังดีต่อลำไส้เพราะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ นอกจากนี้การกินอัลมอนด์ยังช่วยทำให้เราอิ่มท้องได้นาน จึงเหมาะกับการกินเป็นอาหารว่างระหว่างวันสำหรับคนที่ควบคุมอาหารอีกด้วย
ในอัลมอนด์ประกอบไปด้วย…
- คาร์โบไฮเดรต ซึ่งคาร์โบไฮเดรตในอัลมอนด์นั้นมีค่า Glycemic Index (GI) หรือค่าดัชนีน้ำตาลต่ำมากจนเกือบจะเป็น 0 โดยค่าดัชนีน้ำตาลเป็นค่าที่บ่งบอกถึงความเร็วในการที่อาหารเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ยิ่งมีค่าดัชนีน้ำตาลสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นน้ำตาลและร่ายกายดูดซึมได้เร็วมากเท่านั้น โดยอาหารที่ค่าดัชนีน้ำตาลสูงกว่า 70 จะถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ดังนั้นสำหรับอัลมอนด์แล้วร่างกายสามารถดูดซึมได้ช้าจึงชะลอความหิวได้ ทำให้อัลมอนด์กลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ควบคุมอาหารแบบโลว์คาร์บ (Low-Carb Diet)
- ไขมัน มีทั้งไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน มีส่วนช่วยให้เพิ่มไขมันดีหรือ HDLในร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมระดับไขมันชนิดไม่ดีหรือ LDL จึงสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้นั่นเอง
- โปรตีน เป็นโปรตีนจากพืชที่เป็นแหล่งรวมของกรดอะมิโนที่จำเป็นต่าง ๆ ต่อร่างกาย
- วิตามิน และ แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินอี โพแทสเซียม แมกนีเซียม ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- ใยอาหาร ที่มีส่วนช่วยทำให้อิ่มท้องนาน
แล้ววันนึงเราควรกินอัลมอนด์ปริมาณเท่าไหร่ล่ะถึงจะเหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพราะในอัลมอนด์มีสาร Oxalates (ออกซาเลต) ซึ่งจะทำให้เกิดนิ่ว เนื่องจากสารตัวนี้จะไปจับกับแคลเซียมทำให้เกิดเป็นตะกอนนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือถุงน้ำดีจึงควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ โดยปริมาณของอัลมอนด์ที่แนะนำให้กินต่อวัน คือประมาณ 28 กรัม หรือ 24 เม็ด ให้พลังงาน 160 แคลอรี ซึ่งประกอบไปด้วย กรดไขมันอิ่มตัว 1 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัว 13 กรัมและโปรตีน 6 กรัม ถือเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและควรกินถ้าให้ดีก็ควรกินแบบที่ไม่อบเกลือ เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมเกินปริมาณที่จำเป็น
นอกจากรูปแบบของถั่วอัลมอนด์แล้ว การกินผลิตภัณฑ์อื่น ๆที่ทำมาจากอัลมอนด์ก็ส่งผลดี เช่น คนที่แพ้นมวัวจากภาวะการย่อยแลคโตสผิดปกติ สามารถดื่มนมอัลมอนด์แทนได้เพราะไม่มีน้ำตาลแลคโตส นอกจากนี้นมอัลมอนด์มีแคลอรีและปริมาณน้ำตาลที่ต่ำแต่อิ่มท้องนาน หรือหากนำแป้งอัลมอนด์ไปทำขนม ก็สามารถลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในขนมได้ อีกทั้งยังสามารถนำถั่วอัลมอนด์ไป Mix & Match ในเมนูอาหารอย่างอื่นได้ด้วย เช่น ผสมกับซีเรียลหรือโรยบนแพนเค้กในมือเช้า นำมาบดเล็กน้อยเติมเป็น Topping ทานคู่กับไอศกรีม เป็นต้น อัลมอนด์จึงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารที่ควรมีติดบ้านไว้เลย +พูดถึงเอาอัลมอนด์ ไปผสมในเมนูต่างๆ ก็จะดูมีมิติมากขึ้นค่ะ >> เพิ่มเรียบร้อยค่า
กรณีที่ทานอัลมอนด์แล้วรู้สึกคัน มีผื่นขึ้น ปากบวม คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว ไปจนถึงขั้นแน่นหน้าอกหรือหายใจไม่ออก แสดงว่าคุณอาจมีความเสี่ยงที่จะแพ้อัลมอนด์ ทางที่ดีควรทำการทดสอบการแพ้อาหาร (Oral Food Challenge Test) ที่ศูนย์โรคภูมิแพ้ โดยสามารถทดสอบได้ทั้งภูมิแพ้ทางผิวหนังหรือตรวจเลือด
สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต หากเริ่มมีอาการแพ้เกิขึ้นเล็กน้อย ท่านสามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ บนแอฟพลิเคชัน Emma by AXA กดปุ่ม TeleHealth และยืนยันหมายเลขกรมธรรม์ในครั้งแรกที่ใช้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/telehealth
แหล่งที่มาของข้อมูล
· เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3sDYY12
https://bit.ly/3C7vRGP
· โรงพยาบาลพญาไท
https://bit.ly/3hB343K
· Medical News Today
https://www.medicalnewstoday.com/articles/318625#nuts
· ศูนย์สารนิเทศทางอาหาร
https://bit.ly/3sASpfO
· VeryWellFit
https://www.verywellfit.com/almond-nutrition-facts-calories-and-health-benefits-4108974
· U.S. DEPARTMENT OF AGRICULTURE
https://fdc.nal.usda.gov/fdc-app.html#/food-details/170567/nutrients
· MedThai
https://bit.ly/3um8s0N
· เภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/141