หากจะนับเฉพาะโอกาสเกิดโรคมะเร็งในผู้หญิง มะเร็งเต้านมถือว่าเป็นความเสี่ยงขึ้นแท่นอันดับ 1 ในบรรดาโรคมะเร็งทั้งหมด และยอดผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมก็มีแนวโน้มก็เพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี ถึงแม้ว่าข้อมูลที่กล่าวมานี้จะดูน่ากลัวและหลายคนอาจเริ่มเกิดความกังวลแล้ว แต่ข่าวดีก็คือถ้าเราตรวจเจอเร็วและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่ผลการรักษาจะออกมาดีก็สูงขึ้นตามไปด้วย วันนี้เราจะพาสาว ๆ มาตรวจเช็กอาการของโรคมะเร็งเต้านมในเบื้องต้นด้วย 3 วิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง รวมถึงสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่บ่งบอกว่าเรามีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านม จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
มารู้จักมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม (Breast Cancer) เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ที่อยู่ในท่อน้ำนม (Ducts) หรือต่อมน้ำนม (Lobules) เซลล์เหล่านี้มีการแบ่งตัวผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดการขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย และจะลุกลามกระจายไปสู่อวัยวะที่ใกล้เคียงตามทางเดินน้ำเหลือง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ หรือแพร่กระจายไปสู่อวัยวะที่อยู่ห่างไกลออกไป เช่น กระดูก ปอด ตับ และสมอง เช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ เมื่อเซลล์มะเร็งมีจำนวนมากขึ้นก็จะแย่งสารอาหารและปล่อยสารบางอย่างที่เป็นอันตรายและทำลายอวัยวะต่าง ๆ จนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด
สาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านม
ในปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุหาสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ และยังไม่มีวัคซีนที่ช่วยป้องกันการเกิดโรค แต่มีการศึกษาพบความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
ความเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้
- รูปแบบการใช้ชีวิตบางอย่าง เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ความอ้วน
- การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ
- การขาดการออกกำลังกาย
- การทำงานหรืออยู่ในบริเวณที่ได้รับรังสีสูง
- การทานยาคุมหรือยาฮอร์โมนติดต่อกันเป็นเวลานาน
- การไม่มีบุตรหรือมีบุตรเมื่ออายุมากกว่า 30 ปี
ความเสี่ยงไม่สามารถควบคุมได้
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
- มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือมีคนในครอบครัวเคยเป็น
- มีประวัติเคยเป็นมะเร็งรังไข่
- การกลายพันธุ์ของยีน BRCA1 หรือ BRCA2 (BRCA ย่อมาจาก BReast CAncer gene)
- การมีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย หรือหมดประจำเดือนช้า
- ความบกพร่องทางภูมิคุ้มกัน
4 ระยะมะเร็งเต้านม
ในระยะแรกผู้ป่วยมะเร็งเต้านมจะไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติใด ๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังต้องเผชิญกับโรคร้าย ซึ่งอาการของโรคนี้จะแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่
· ระยะที่ 1: ก้อนมะเร็งเต้านมขนาดไม่เกิน 2 cm และยังไม่มีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้
· ระยะที่ 2: ก้อนมะเร็งเต้านม 2-5 cm หรือมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ข้างเดียวกัน
· ระยะที่ 3: ก้อนมะเร็งเต้านมมีขนาดใหญ่กว่า 5 cm แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ข้างเดียวกันอย่างมาก จนทำให้ต่อมน้ำเหลืองเหล่านั้นมารวมติดกันเป็นก้อนใหญ่หรือติดแน่นกับอวัยวะข้างเคียง
· ระยะที่ 4: ก้อนมะเร็งเต้านมจะมีขนาดใหญ่เท่าใดก็ได้ มีการกระจายของมะเร็งออกไปนอกเต้านมและต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ ปอด ตับ สมอง กระดูก เป็นต้น
ผู้ป่วยที่ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น ตั้งแต่ ระยะที่ 1 และ 2 หรือแม้แต่ในระยะที่ 3 จะมีโอกาสมีชีวิตอยู่รอดได้ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปถึง 70-90% ของผู้ป่วยทั้งหมด มีเพียงการตรวจพบในระยะที่ 4 เท่านั้นที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว ซึ่งมีอัตราการรอดชีวิต 5 ปีขึ้นไป อยู่ที่ 22%
สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม
เมื่อรู้สึกหรือสงสัยว่าตนเองมีอาการเหล่านี้ ควรตั้งข้อสันนิษฐานได้เลยว่าเราอาจจะกำลังเริ่มมีอาการของโรคมะเร็งเต้านม
· คลำพบก้อนหนา ๆ บริเวณเต้านมหรือใต้รักแร้
· ก้อนที่เป็นมะเร็งเต้านมมักจะแข็งและขรุขระ แต่อาจจะเป็นก้อนเรียบ ๆ ก็ได้
· หัวนมมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีการดึงรั้งจนหัวนมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม มีน้ำเหลืองหรือเลือดออกทางหัวนม หรือมีแผล
· ลักษณะรูปร่างเต้านมเปลี่ยนไปจากเดิม
· รู้สึกเจ็บที่เต้านม มีอาการบวม เป็นผื่น แดง ร้อน ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
· ช่วงไม่มีประจำเดือนมีอาการเจ็บบริเวณเต้านม
ตรวจเช็กมะเร็งเต้านมด้วย 3 วิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง
1. ตรวจเช็กเต้านมด้วยการยืนหน้ากระจก
· ปล่อยแขนไว้ข้างลำตัวตามสบาย สังเกตเปรียบเทียบขนาดเต้านมทั้งสองข้างว่ามีการบิดเบี้ยวของหัวนม หรือมีสิ่งผิดปกติหรือไม่
· สำรวจหาความผิดปกติในท่าประสานมือเหนือศีรษะหรือท่าเท้าเอว
· โน้มตัวไปข้างหน้าโดยวางมือทั้ง 2 ข้างบนเข่าหรือเก้าอี้ แล้วสังเกตหาความผิดปกติ
2. ตรวจเช็กเต้านมด้วยการนอนราบ
· นอนราบในท่าที่สบาย
· ยกแขนข้างที่จะตรวจขึ้นเหนือศีรษะเพื่อให้เต้านมแผ่ราบ โดยเฉพาะบริเวณส่วนบนด้านนอกซึ่งมีเนื้อหนาที่สุด
· ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางของมืออีกข้างหนึ่ง คลำให้ทั่วเต้านมและรักแร้ โดยห้ามบีบเนื้อเต้านม เพราะจะรู้สึกเหมือนเจอก้อนเนื้อ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ก้อนเนื้อ
· เมื่อตรวจข้างนึงเสร็จแล้วให้ย้ายมาตรวจอีกข้างด้วยขั้นตอนเดียวกัน
3. ตรวจเช็กเต้านมขณะอาบน้ำ
· ผู้หญิงที่มีเต้านมขนาดเล็กให้ยกแขนข้างที่จะตรวจไว้เหนือศีรษะ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งคลำในลักษณะเดียวกันกับการตรวจเช็กขณะนอนราบ
· ผู้หญิงที่มีเต้านมขนาดใหญ่ให้ใช้มือข้างที่จะตรวจประคอง และตรวจคลำเต้านมจากด้านล่าง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งตรวจคลำจากด้านบน
การตรวจโดยแพทย์และเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบัน
นอกจากการตรวจเช็กเต้านมด้วยตัวเองแล้ว ใครที่ยังรู้สึกไม่แน่ใจก็สามารถเข้าตรวจด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลได้หลายวิธี
· การตรวจด้วยวิธีแมมโมแกรม (Mammogram)
เป็นการตรวจด้วยรังสีชนิดพิเศษคล้ายกับการตรวจเอกซเรย์ ซึ่งเป็นการตรวจที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถตรวจเจอมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเข้ารับการรักษาได้ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีนี้เป็นการตรวจที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถตรวจพบหินปูนที่มีลักษณะผิดปกติในเต้านมหรือรอยโรคที่มีขนาดเล็กได้ ใช้เวลาเพียง 30 นาที และไม่ต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนเข้ารับการตรวจด้วย
· การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
เป็นการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปในเนื้อเต้านม เมื่อคลื่นเสียงกระทบกับเนื้อเยื่อต่าง ๆ จะสะท้อนกลับขึ้นมาที่เครื่องตรวจ ทำให้สามารถตรวจจับความแตกต่างของเนื้อเยื่อปกติกับก้อนในเต้านมได้ และยังสามารถตรวจสอบได้ว่าก้อนในเต้านมนั้นมีองค์ประกอบเป็นน้ำ หรือเป็นก้อนเนื้อ หากเป็นก้อนเนื้อ อัลตราซาวด์จะช่วยบอกว่าก้อนเนื้อนั้นมีขอบที่ดูเรียบหรือดูค่อนไปทางเป็นเนื้อร้ายมากน้อยเพียงใด การตรวจแบบนี้ร่วมด้วยเหมาะกับคนไทยและคนเอเชียส่วยใหญ่ เพราะคนเอเชียมีเนื้อเต้านมค่อนข้างแน่น (Dense Breast) กว่าคนตะวันตก หากมีก้อนเนื้อหรือความผิดปกติใด ๆ ก็มีโอกาสถูกบดบังจากภาพแมมโมแกรม และการตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ยังสามารถเห็นรอยโรคขนาดเล็ก 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยในการตรวจหาความผิดปกติได้ดียิ่งขึ้น
· การตรวจพันธุกรรม BRCA
การตรวจแบบนี้เป็นการตรวจหาความผิดปกติในรหัสพันธุกรรมของยีน BRCA ซึ่งสามารถถ่ายทอดสู่ลูกได้ทั้งจากทางพ่อหรือทางแม่ ผู้ที่ได้รับยีนที่ผิดปกตินี้จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมเกือบร้อยละ 90 และมะเร็งรังไข่่ร้อยละ 50
ใครที่ควรเข้ารับการตรวจหามะเร็งเต้านม
· ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรเริ่มตรวจเป็นประจำทุกปี
· คนที่มีคนในครอบครัวสายตรงมีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจำเดือน ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 30 ปี
· คนที่มีประวัติผลการตรวจรหัสพันธุกรรมผิดปกติ หรือมีญาติสายตรงที่เคยตรวจพบความผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจประจำปีตั้งแต่อายุ 25 ปี
· คนที่คลำพบก้อน หรือความผิดปกติที่เต้านมและหัวนม ควรตรวจหรือปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน
มะเร็งเต้านมเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตของผู้หญิงเป็นจำนวนมาก ถึงจะเป็นโรคอันตรายแต่หากหมั่นสังเกตตรวจเช็กร่างกายและดูแลสุขภาพอย่างเป็นประจำก็สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันเวลาและมีประสิทธิภาพ และยังเป็นการช่วยรักษาชีวิตไว้ได้ด้วย
สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิตที่ต้องรักษามะเร็งเต้านม สามารถรับคำปรึกษาเพิ่มเติมจากบริการ กรุงไทย-แอกซ่า แคร์คุณกว่าใคร เพื่อให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจเข้ารับการรักษามากขึ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-services/care-coordination
แหล่งที่มาของข้อมูล
· คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=771
https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/breast-cancer/
· โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/breast-cancer
· โรงพยาบาลสมิติเวช
https://www.samitivejchinatown.com/th/health-article/detail/40
· โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/823
· โรงพยาบาลเปาโล
https://bit.ly/3OJYbUx
· โรงพยาบาล MedPark
https://www.medparkhospital.com/content/stage-of-breast-cancer
· โรงพยาบาลเพชรเวช
https://bit.ly/3AbrN9s
· เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3nk6oTR
