ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
17 สิงหาคม 2565

หลอดเลือดหัวใจตีบ รู้จักโรคนี้ อาการเสี่ยง การป้องกัน การดูแลตัวเองของผู้ป่วย

จริงอยู่ว่าเรากำลังอยู่ในยุคของการรักสุขภาพที่คนจำนวนไม่น้อยหันมาให้ความสำคัญกับอาหารการกินและการออกกำลังกาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าผู้คนอีกส่วนหนึ่งกำลังเพลิดเพลินกับฟาสต์ฟูด ชีวิตมีความผูกติดกับแอปพลิเคชันสั่งอาหาร ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และเมื่อปล่อยปละละเลยการดูแลตัวเอง โรคภัยก็อาจมาถึงตัวได้โดยไม่รู้ตัว หนึ่งในนั้นคือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

                สัญญาณหนึ่งที่บอกว่าคุณอาจจะป่วยเป็นโรคนี้ คืออาการเจ็บหรือแน่นหน้าอกในบริเวณด้านซ้าย ซึ่งตรงกับตำแหน่งของหัวใจใครที่มีอาการเช่นนี้ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที เพราะมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ส่วนคนที่ยังไม่มีประสบการณ์ดังกล่าว และต้องการห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันต้องไม่พลาดข้อมูลดี ๆ ที่เรานำมาแชร์ในครั้งนี้

 

รู้จักโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

                ส่วนใหญ่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัวหรือมีคราบสะสมที่ผนังหลอดเลือด ไม่ว่าจะเป็นการสะสมของไขมัน เนื้อเยื่อ รวมถึงหินปูนที่เกิดจากการเสื่อมของแคลเซียมในร่างกาย ส่งผลให้หลอดเลือดเกิดการตีบแคบหรืออุดตัน สิ่งที่ตามมาคือปริมาณเลือดแดงไหลผ่านได้น้อยลง ทำให้ไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้เพียงพอ เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกด้านซ้าย และหากมีการตีบแคบหรืออุดตันมาก ภาวะที่ไม่พึงประสงค์อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตในทันทีก็เป็นได้

                โดยโรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือโรคหลอดเลือดหัวใจชนิดเฉียบพลัน ซึ่งมีโอกาสในการเสียชีวิตสูง สังเกตได้ง่าย ๆ คือแม้ไม่ได้ออกกำลังกายก็มีอาการเจ็บหน้าอกเกิดขึ้น อีกประเภทคือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันชนิดเรื้อรัง ที่จะมีลักษณะเป็น ๆ หาย ๆ ส่วนใหญ่อาการจะมีความสัมพันธ์กับการออกกำลังกาย

                สำหรับใครที่อาการเจ็บเค้นที่หน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ หรือเจ็บใต้กระดูกหน้าอกที่อาจจะร้าวไปถึงคอ ไหล่และแขน รวมถึงมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจหอบ หายใจเข้าไม่เต็มปอดจนรู้สึกแน่นและอึดอัด ไปจนถึงเวียนหัวจนจะเป็นลม แสดงว่าคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ควรรีบไปพบแพทย์ตรวจเช็กให้แน่ชัดเพื่อจะได้เข้ารับการรักษาได้ทัน

 

ปัจจัยเสี่ยงก่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

                โรคนี้มีทั้งปัจจัยเสี่ยงทั้งที่ควบคุมได้ อย่างเช่น น้ำหนักที่เกินมาตรฐาน (มีค่าดัชนีมวลกายเกิน 23 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง (มีค่าความดันสูงสุดในหลอดเลือดสูงกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท) ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (มีค่ามากกว่า 99 มก./ดล. หลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง) ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (ค่าโคเลสเตอรอลเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร หรือมีค่าไตรกลีเซอไรค์เกิน 150 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร) สิ่งเหล่านี้สามารถควบคุมได้ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเองและการใช้ยาจากแพทย์เป็นตัวช่วย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่สามารถเลี่ยงและลงมือทำได้ด้วยตัวเอง เช่น การรับประทานผักผลไม้เพิ่มมากขึ้น ทานอย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน การดื่มน้ำอย่างน้อย 2 - 3 ลิตรต่อวัน การรับประทานอาหารแค่พออิ่ม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมันอย่างเบคอน หมูกรอบ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น อาหารที่มีรสชาติเผ็ดหรือเค็มจนเกินไป งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ น้ำอัดลม งดการสูบบุหรี่ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งต้องประเมินให้พอดีกับสมรรถภาพร่างกายของตัวเอง

                ในส่วนของปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ จะมีทั้งจากอายุที่เมื่อเพิ่มขึ้น อัตราการการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย อีกปัจจัยคือเพศ โดยเพศชายจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือน และการมีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันอัตราความเสี่ยงก็จะเพิ่มสูงขึ้น

 

การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

                สำหรับการป้องกันโรคนี้ คือการลดปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ กล่าวคือการรักษาองค์รวมของร่างกายให้อยู่ในภาวะที่สมดุลอยู่เสมอ ซึ่งประกอบไปด้วยเรื่องอาหารการกิน เลือกรับประทานสิ่งที่มีประโยชน์กับร่างกาย การออกกำลังกายที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ การลดละเลิกสิ่งที่ส่งผลเสียกับร่างกาย เช่น บุหรี่ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือความเครียด พยายามหาวิธีผ่อนคลายจิตใจด้วยสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ มองโลกในแง่ดี และมีความสุขกับการใช้ชีวิต

 

การดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

                เมื่อป่วยเป็นโรคนี้แล้ว สิ่งแรกคือต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันเป็นหนึ่งในโรคที่ไม่สามารถหายขาดได้ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คงไว้ซึ่งการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย คือการดูแลสุขภาพตามแนวทางที่แพทย์แนะนำอยู่เสมอ โดยแต่ละบุคคลจะได้รับคำแนะนำแตกต่างกันไป เหนือสิ่งอื่นใดคือการไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามสภาวะของร่างกายอย่างใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ ดังนั้นเราควรหมั่นตรวจเช็คร่างกายอยู่เสมอ รวมถึงเมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายควรหาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที หรือ หากมีอาการป่วยฉุกเฉิน โทร 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลทันที

                สำหรับลูกค้ากรุงไทย -แอกซ่า ประกันชีวิต สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการสุขภาพด้านต่างๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/HealthServices 

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·        โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/coronary-artery-disease
https://bit.ly/35rdfph

·        โรงพยาบาลกรุงเทพ
https://www.bangkokhearthospital.com/content/coronary-artery-disease

·        โรงพยาบาลสมิติเวช
https://bit.ly/3pAU1UX
https://bit.ly/3ijDBwh

·        โรงพยาบาลพญาไท
https://bit.ly/3ihLEty
https://bit.ly/3NbkQcL

บทความสุขภาพที่สำคัญ