ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
03 พฤศจิกายน 2565

เคล็ดลับ รับมือโรคกระเพาะสำหรับชาวออฟฟิศ

ในวันทำงานที่แสนวุ่นวายไม่ว่าจะติดประชุม ติดคุยงาน หลายครั้งตารางงานที่แสนแน่นก็ทำให้ต้องเลื่อนหรืองดรับประทานอาหารประจำมื้อไป แล้วยังมีความเครียดจากงานที่สะสม ทั้งหมดนี้เป็นต้นเหตุของโรคกระเพาะที่จะทำให้การใช้ชีวิตยุ่งยากขึ้นไปอีก วันนี้เราจึงอยากจะแนะนำเคล็ดลับในการรับมือกับโรคกระเพาะ รวมถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคนี้กัน

 

มารู้จักกับโรคกระเพาะ

              ทุกคนคงรู้ดีว่ากระเพาะอาหารมีหน้าสำคัญคือ ย่อยอาหารโดยน้ำย่อยเป็นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง สามารถย่อยได้แม้กระทั่งกระดูก แต่ร่างกายของเราก็มีกลไกป้องกันตัวเองโดยการปล่อยเมือกออกมาป้องกันไม่ให้กรดกัดกร่อนกระเพาะอาหาร ซึ่งก็มีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้กลไกการป้องกันตัวเองของกระเพาะอาหารทำงานผิดพลาดไป โรคกระเพาะอาหารมีทั้งแบบมีแผลและไม่มีแผล แม้ว่าโรคกระเพาะไม่ได้จัดว่าเป็นโรคร้ายแรง แต่สร้างความทรมาน และรบกวนการใช้ชีวิต มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เช่น มีอาการปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นอาการก็จะหายไปเป็นเดือน หลังจากนั้นก็จะกลับมามีอาการอีก

 

สาเหตุของโรคกระเพาะ

·       การติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori (Helicobacter Pylori) ที่ทำให้กลไกการป้องกันตัวของกระเพาะอาหารเสียไป เชื้อตัวนี้จะอยู่บนเยื่อบุของอาหาร เชื้อจะเพิ่มความเสี่ยงของอาการกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง แผลในกระเพาะอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหารได้

·       การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา เมื่อปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานาน น้ำย่อยที่ควรจะมีหน้าที่ย่อยอาหาร จะมากัดกระเพาะแทนเพราะว่าไม่มีอาหารอยู่ในกระเพาะ

·       ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นเซลล์ในกระเพาะอาหารให้หลั่งกรดออกมามากขึ้น ส่งผลให้อาหารไม่ย่อย แสบท้องและรู้สึกท้องอืด

·       การรับประทานอาหารรสจัดไม่ใช่แค่รสเผ็ดเท่านั้น แต่รวมไปถึงรสเปรี้ยวจัด เค็มจัดด้วย

·       การสูบบุหรี่และดื่มเหล้าเป็นประจำ

·       การรับประทานยาบางชนิดที่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ

 

ระบบย่อยอาหารกับความเครียด

ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้เส้นประสาทที่มีอยู่จำนวนมากในระบบย่อยอาหารไปสั่งการให้เลือดไหลเวียนช้าลง ทำให้กล้ามเนื้อในระบบย่อยอาหารทำงานแย่ลง และมีผลกระทบตามมา เช่น

·       ทำให้กรดที่จำเป็นต่อการย่อยหลั่งออกมาน้อยลง ส่งผลให้เกิดภาวะอาหารไม่ย่อยหรือท้องอืด

·       ระบบภูมิคุ้มกันทำงานน้อยลง ทำให้เสี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น

·       กล้ามเนื้อหลอดอาหารหดเกร็งและมีกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งทำให้อาหารไม่ย่อย

·       ท้องเสียหรือท้องผูก เนื่องจากลำไส้ใหญ่ตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้น

·       มีอาการแสบร้อนกลางอกและกรดไหลย้อน เนื่องจากระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี ทำให้เกิดการบีบตัวของหลอดอาหารมากยิ่งขึ้น

·       แบคทีเรียชนิดไม่ดีเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าแบคทีเรียชนิดที่ดี ซึ่งทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานแย่ลง

 

อาการของโรคกระเพาะ

·       รู้สึกปวดท้องแบบจุกแสบ จุกแน่น บริเวณลิ้นปี่หรือช่องท้องส่วนบนหรือสะดืออาการมักสัมพันธ์กับมื้ออาหาร อาการอาจเกิดขึ้นก่อนหรือหลังรับประทานอาหารก็ได้

·       อาการปวดแน่นท้องมักจะบรรเทาได้ด้วยอาหารหรือยาลดกรด

·       อาการปวดจะเป็น ๆ หาย ๆ

·       ปวดแน่นท้องกลางดึกหลังจากที่หลับไปแล้ว

·       คลื่นไส้ อาเจียน อิ่มง่าย

·       อาเจียนเป็นเลือด (อาการบ่งชี้ว่าอาจจะเป็นแผลในกระเพาะอาหาร)

 

หากไม่รีบรักษาเสี่ยงเป็นมะเร็ง

หลายคนละเลยกับการเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่ช่วงแรกที่มีอาการของโรคกระเพาะอาหาร และเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง เพราะเป็นโรคเรื้อรังที่มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ และมักไม่หายขาดตลอดชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าหากปล่อยไว้จนกระเพาะอาหารเริ่มเป็นแผลและร่างกายเริ่มแสดงอาการทรุดโทรมลง นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะกำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้

 

รับมือกับโรคนี้อย่างไร

วิธีรักษา

  • รับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
  • งดบุหรี่ เหล้า อาหารรสจัด และรับประทานอาหารให้ตรงเวลา
  • ออกกำลังกาย
  • งดกินยาแก้ปวด แอสไพริน ยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูกโดยไม่จำเป็น
  • กินอาหารที่ย่อยง่าย
  • หากมีอาการจุกหลังรับประทานอาหาร ให้ค่อยเริ่มรับประทานอาหารจำนวนน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มจนรู้สึกอิ่มพอดี

วิธีป้องกัน

  • ปรับตารางการทำงานให้สมดุล และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หมั่นหากิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด
  • รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัดมาก ลดการปรุงรสชาติลง
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ

 

ตอนนี้ก็เข้าใจโรคกระเพาะอาหารกันมากขึ้นแล้วทั้งสาเหตุและการปรับพฤติกรรมเพื่อให้ห่างไกลโรคนี้ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดีห่างไกลจากโรคกระเพาะอาหาร สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิตที่มีอาการปวดท้องและไม่มั่นใจว่าเป็นโรคกระเพาะหรือไม่ สามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์กับบริการเทเลเฮลท์ ผ่านแอปพลิเคชัน Emma by AXA รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-services/telehealth

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       โรงพยาบาลพญาไท
https://bit.ly/3QXSUuO

·       โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/stomach-disease

·       โรงพยาบาลสมิติเวช
https://bit.ly/3bC6yDD
https://bit.ly/3u7KVS0

·       คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=359

·       โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย
https://bit.ly/3I0Dvp6

·       โรงพยาบาลเปาโล
https://bit.ly/3OHu14m
https://bit.ly/3A6HCyc

·       งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
https://bit.ly/3u42eDm

·       โรงพยาบาลกรุงเทพ
https://bit.ly/3y01OPJ

·       เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3u8o9JE

·       โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
https://bit.ly/3QU0q9N

บทความสุขภาพที่สำคัญ