ในวันทำงานที่แสนวุ่นวายไม่ว่าจะติดประชุม ติดคุยงาน หลายครั้งตารางงานที่แสนแน่นก็ทำให้ต้องเลื่อนหรืองดรับประทานอาหารประจำมื้อไป แล้วยังมีความเครียดจากงานที่สะสม ทั้งหมดนี้เป็นต้นเหตุของโรคกระเพาะที่จะทำให้การใช้ชีวิตยุ่งยากขึ้นไปอีก วันนี้เราจึงอยากจะแนะนำเคล็ดลับในการรับมือกับโรคกระเพาะ รวมถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคนี้กัน
มารู้จักกับโรคกระเพาะ
ทุกคนคงรู้ดีว่ากระเพาะอาหารมีหน้าสำคัญคือ ย่อยอาหารโดยน้ำย่อยเป็นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง สามารถย่อยได้แม้กระทั่งกระดูก แต่ร่างกายของเราก็มีกลไกป้องกันตัวเองโดยการปล่อยเมือกออกมาป้องกันไม่ให้กรดกัดกร่อนกระเพาะอาหาร ซึ่งก็มีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้กลไกการป้องกันตัวเองของกระเพาะอาหารทำงานผิดพลาดไป โรคกระเพาะอาหารมีทั้งแบบมีแผลและไม่มีแผล แม้ว่าโรคกระเพาะไม่ได้จัดว่าเป็นโรคร้ายแรง แต่สร้างความทรมาน และรบกวนการใช้ชีวิต มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เช่น มีอาการปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นอาการก็จะหายไปเป็นเดือน หลังจากนั้นก็จะกลับมามีอาการอีก
สาเหตุของโรคกระเพาะ
· การติดเชื้อแบคทีเรีย H. pylori (Helicobacter Pylori) ที่ทำให้กลไกการป้องกันตัวของกระเพาะอาหารเสียไป เชื้อตัวนี้จะอยู่บนเยื่อบุของอาหาร เชื้อจะเพิ่มความเสี่ยงของอาการกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง แผลในกระเพาะอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหารได้
· การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา เมื่อปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานาน น้ำย่อยที่ควรจะมีหน้าที่ย่อยอาหาร จะมากัดกระเพาะแทนเพราะว่าไม่มีอาหารอยู่ในกระเพาะ
· ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นเซลล์ในกระเพาะอาหารให้หลั่งกรดออกมามากขึ้น ส่งผลให้อาหารไม่ย่อย แสบท้องและรู้สึกท้องอืด
· การรับประทานอาหารรสจัดไม่ใช่แค่รสเผ็ดเท่านั้น แต่รวมไปถึงรสเปรี้ยวจัด เค็มจัดด้วย
· การสูบบุหรี่และดื่มเหล้าเป็นประจำ
· การรับประทานยาบางชนิดที่มีฤทธิ์กัดกระเพาะ
ระบบย่อยอาหารกับความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้เส้นประสาทที่มีอยู่จำนวนมากในระบบย่อยอาหารไปสั่งการให้เลือดไหลเวียนช้าลง ทำให้กล้ามเนื้อในระบบย่อยอาหารทำงานแย่ลง และมีผลกระทบตามมา เช่น
· ทำให้กรดที่จำเป็นต่อการย่อยหลั่งออกมาน้อยลง ส่งผลให้เกิดภาวะอาหารไม่ย่อยหรือท้องอืด
· ระบบภูมิคุ้มกันทำงานน้อยลง ทำให้เสี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น
· กล้ามเนื้อหลอดอาหารหดเกร็งและมีกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งทำให้อาหารไม่ย่อย
· ท้องเสียหรือท้องผูก เนื่องจากลำไส้ใหญ่ตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้น
· มีอาการแสบร้อนกลางอกและกรดไหลย้อน เนื่องจากระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี ทำให้เกิดการบีบตัวของหลอดอาหารมากยิ่งขึ้น
· แบคทีเรียชนิดไม่ดีเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าแบคทีเรียชนิดที่ดี ซึ่งทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานแย่ลง
อาการของโรคกระเพาะ
· รู้สึกปวดท้องแบบจุกแสบ จุกแน่น บริเวณลิ้นปี่หรือช่องท้องส่วนบนหรือสะดืออาการมักสัมพันธ์กับมื้ออาหาร อาการอาจเกิดขึ้นก่อนหรือหลังรับประทานอาหารก็ได้
· อาการปวดแน่นท้องมักจะบรรเทาได้ด้วยอาหารหรือยาลดกรด
· อาการปวดจะเป็น ๆ หาย ๆ
· ปวดแน่นท้องกลางดึกหลังจากที่หลับไปแล้ว
· คลื่นไส้ อาเจียน อิ่มง่าย
· อาเจียนเป็นเลือด (อาการบ่งชี้ว่าอาจจะเป็นแผลในกระเพาะอาหาร)
หากไม่รีบรักษาเสี่ยงเป็นมะเร็ง
หลายคนละเลยกับการเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่ช่วงแรกที่มีอาการของโรคกระเพาะอาหาร และเข้าใจว่าเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง เพราะเป็นโรคเรื้อรังที่มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ และมักไม่หายขาดตลอดชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าหากปล่อยไว้จนกระเพาะอาหารเริ่มเป็นแผลและร่างกายเริ่มแสดงอาการทรุดโทรมลง นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะกำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้
รับมือกับโรคนี้อย่างไร
วิธีรักษา
- รับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
- งดบุหรี่ เหล้า อาหารรสจัด และรับประทานอาหารให้ตรงเวลา
- ออกกำลังกาย
- งดกินยาแก้ปวด แอสไพริน ยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูกโดยไม่จำเป็น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย
- หากมีอาการจุกหลังรับประทานอาหาร ให้ค่อยเริ่มรับประทานอาหารจำนวนน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มจนรู้สึกอิ่มพอดี
วิธีป้องกัน
- ปรับตารางการทำงานให้สมดุล และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หมั่นหากิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัดมาก ลดการปรุงรสชาติลง
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
ตอนนี้ก็เข้าใจโรคกระเพาะอาหารกันมากขึ้นแล้วทั้งสาเหตุและการปรับพฤติกรรมเพื่อให้ห่างไกลโรคนี้ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดีห่างไกลจากโรคกระเพาะอาหาร สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิตที่มีอาการปวดท้องและไม่มั่นใจว่าเป็นโรคกระเพาะหรือไม่ สามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์กับบริการเทเลเฮลท์ ผ่านแอปพลิเคชัน Emma by AXA รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-services/telehealth
แหล่งที่มาของข้อมูล
· โรงพยาบาลพญาไท
https://bit.ly/3QXSUuO
· โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/stomach-disease
· โรงพยาบาลสมิติเวช
https://bit.ly/3bC6yDD
https://bit.ly/3u7KVS0
· คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=359
· โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย
https://bit.ly/3I0Dvp6
· โรงพยาบาลเปาโล
https://bit.ly/3OHu14m
https://bit.ly/3A6HCyc
· งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
https://bit.ly/3u42eDm
· โรงพยาบาลกรุงเทพ
https://bit.ly/3y01OPJ
· เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3u8o9JE
· โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
https://bit.ly/3QU0q9N
