ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
19 กรกฎาคม 2565

โรคไตเรื้อรัง คืออะไร , สาเหตุ-อาการ-วิธีป้องกัน การรักษาโรคไตเรื้อรัง คืออะไร

โรคไตเป็นภัยเงียบที่แฝงอยู่ในร่างกายคุณ ในระยะเริ่มแรกร่างกายของผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการออกมา ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวหากไม่ได้ไปตรวจเลือดหรือปัสสาวะ วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจโรคไตเรื้อรังกัน

โรคไตเรื้อรังคืออะไร

            ไต คือ อวัยวะที่มีรูปร่างคล้ายถั่วแดง อยู่บริเวณใต้ชายโครงด้านหลังทั้ง 2 ข้าง มีหน้าที่รักษาสมดุลในร่างกายโดยการ กำจัดของเสียและกรองน้ำส่วนเกินออกจากเลือด รักษาสมดุลของแร่ธาตุที่สำคัญ ช่วยควบคุมความดันโลหิต สร้างเม็ดเลือดแดงและวิตามินดี โรคไตเรื้อรัง คือ การที่ไตเกิดเสื่อมสภาพและสูญเสียความสามารถมาในการกำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากเลือด ก่อให้เกิดการสะสมของเสียและสารพิษในร่างกาย ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบาย ในระยะเริ่มต้นผู้ป่วยจะยังไม่รับรู้ถึงอาการอะไร เพราะโรคไตเรื้อรังเป็นโรคที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อย เมื่อรู้ตัวก็อาจจะอยู่ในสภาวะที่หนักแล้วได้

                ถึงแม้เราจะมีไต 2 ข้าง แต่ไตทั้งสองไม่ใช่อวัยวะ “สำรอง” ของกันและกัน ไตทั้งสองจะทำงานสอดคล้องกันเพื่อทำหน้าที่รักษาสมดุลให้กับร่างกาย ดังนั้นเมื่อเกิดอาการของโรคไตเรื้อรังจึงส่งผลกับไตทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน

 

โรคไตเกิดจากอะไร?

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากสภาวะผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกายแล้วส่งผลต่อไตอย่างถาวร รวมถึงพันธุกรรมด้วย เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ได้แก่

-           โรคเบาหวาน เพราะภาวะร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เส้นเลือดฝอยที่ไตตีบตัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการกรองของเสียลดลง

-           โรคความดันโลหิตสูง แรงดันที่สูงในหลอดเลือดฝอยในไตทำให้เกิดการรั่วของโปรตีนออกมาในปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดการอักเสบในเนื้อไต

-           โรคไตมีถุงน้ำ

-           โรคไตอักเสบ

-           โรคไตขาดเลือดจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตีบ พบในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด

-           โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ มีการอุดกั้นทางปัสสาวะ หรือมีการติดเชื้อในปัสสาวะซ้ำหลายครั้ง

-           โรคแพ้ภูมิตัวเอง

-           โรคมะเร็ง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกเช่น

-           พฤติกรรมการทานอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด หวานจัด เผ็ดจัด

-           อาการบาดเจ็บที่ทำให้ไตสูญเสียการทำงานอย่างกะทันหัน

-           ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน

-           ผู้สูงอายุ

-           ผู้ที่สูบบุหรี่จัด

           

ระยะอาการโรคไตเรื้อรัง

อาการของโรคไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ขึ้นอยู่กับระสิทธิภาพในการกรองเลือดของไต

-           ระยะที่ 1 อัตรากรองของไตสูงกว่า 90 หมายความว่า ไตเกิดความเสียหายแต่ยังสามารถทำงานได้เกือบเป็นปกติ ในระยะนี้ผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการอะไรและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องพบแพทย์เป็นประจำ หรือตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อติดตามอาการการกรองของไตและดูแลปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

-           ระยะที่ 2 อัตราการกรองของไต 60-89 หมายความว่า ไตสูญเสียการทำงานเล็กน้อย ในระยะนี้ก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะไม่มีอาการป่วยแสดงออกมา แต่เช่นเดียวกับผู้ป่วยระยะที่ 1 ที่จะต้องหมั่นเข้าพบแพทย์ตามแพทย์สั่ง

-           ระยะที่ 3 อัตราการกรองของไต 30-59 หมายความว่า ไตสูญเสียการทำงานปานกลาง เป็นระยะที่เริ่มมีการแสดงอาการแต่ไม่มากทำให้ผู้ป่วยอาจจะยังไม่สังเกตเห็น ต้องพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการแทรกซ้อนอย่างสม่ำเสมอ และเตรียมพร้อมแนวทางรักษาในกรณีที่เกิดไตวาย

-           ระยะที่ 4 อัตราการกรองของไต 15-29 หมายความว่า ไตสูญเสียการทำงานอย่างมาก เป็นระยะที่ผู้ป่วยเริ่มสังเกตเห็นอาการต่าง ๆ ของโรคไตเรื้องรังแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดไตวาย

-           ระยะที่ 5 อัตราการกรองของไตน้อยกว่า 15 หมายความว่า ไตวายแล้ว เป็นระยะที่อาการต่าง ๆ ของโรคแสดงออกอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นระยะที่ต้องเริ่มเข้ารับการรักษาโดยการฟอกไต ดังนั้นผู้ป่วยควรต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

 

ลักษณะอาการของโรคไตเรื้อรัง

-           ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน เป็นอาการที่แสดงในช่วงที่ไตเริ่มเสื่อมในระยะแรก

-           ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นฟอง

-           ขาบวม เมื่อกดจะบุ๋มลงไป เกิดจากการที่มีเกลือและน้ำคั่งในร่างกาย หรือมีโปรตีนรั่วมามากในปัสสาวะ หากบวมมากจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยหอบจากการมีน้ำคั่งในปอด อาจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

-           ตาบวมน้ำ โดยเฉพาะตอนเช้า

-           ความดันโลหิตสูง

-           คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ผิวแห้ง คันตามร่างกาย อ่อนเพลีย

-           ปากขม ไม่สามารถรับรู้รสอาหารได้

-           นอนไม่หลับ คิดอะไรไม่ค่อยออก

-           กล้ามเนื้อเป็นตะคริวตอนกลางคืน

-           บางรายอาจน้ำหนักตัวลด แต่บางรายอาจจะตัวบวมและน้ำหนักขึ้น

-           เพศหญิงอาจมีอาการประจำเดือนขาด หรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ส่วนเพศชายจะมีความรู้สึกทางเพศลดลง และการสร้างอสุจิลดลง

                ในระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจะมีอาการทางระบบอื่น ๆ ตามมามากขึ้น เช่น รับประทานอาหารไม่ได้จนเกิดภาวะขาดสารอาหาร โลหิตจาง เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ สะอึก บวม หอบเหนื่อย หากมีอาการมากและไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยจะซึมลงและชักได้

 

การรักษาโรคไตเรื้อรัง

การรักษาโรคไตเรื้อรังจะต้องพิจารณาจากสาเหตุของโรค และระยะของโรคที่เป็น รวมไปถึงโรคอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยมีด้วย โดยจะแบ่งการรักษาออกเป็น 2 หมวด คือ

1.        การรักษาเพื่อชะลอการเสื่อมของไต

-           สำหรับคนที่มีโรคระจำตัว เช่น โรคเบาหวานหรือโรคความดันโลหิตสูงนั้น ควรควบคุมโรคประจำตัวให้ดี ซึ่งยาบางประเภทนั้นสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของไตได้ เช่น ยาลดความดันหรือยารักษาเบาหวานบางกลุ่ม เป็นต้น

-           ควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลดการรับประทานอาหารรสจัด ไม่เพียงแต่แค่รสเค็มเท่านั้น รวมไปถึงรสชาติอาหารอื่น ๆ ด้วย ผู้ป่วยควรรับประทานโปรตีนให้เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานที่เพียงพอ รวมถึงควบคุมระดับโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสในอาหารให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูแลอาหารให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน

-           รักษาด้วยยาที่มีส่วนช่วยในการชะลอการเสื่อมของไต เช่น ยาลดการดูดซึมฟอสเฟต ยาขับปัสสาวะ ยารักษาภาวะโลหิตจาง ยาลดความดันโลหิต ยาลดไขมันในเลือด และยาปรับสมดุลกรดด่าง

-           ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ลดน้ำหนัก งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงสารหรือยาที่จะส่งผลเสียต่อไต เช่น ยาปรับภูมิคุ้มกันอย่างเมโทเทรกเซต (Methotrexate) หรือ ยาต้านจุลชีพกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamides) เป็นต้น

2.        การรักษาด้วยวิธีบำบัดทดแทนไต

การรักษาวิธีนี้เป็นการรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในระยะที่ 5 ที่ไตไม่สามารถทำงานได้เองตามปกติแล้ว ช่วยกำจัดของเสียที่ตกค้างในร่างกาย สามารถเลือกได้ 2 วิธี ได้แก่

-           การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม – การนำเลือดออกทางเส้นเลือดที่แขนหรือคอ ผ่านเข้าเครื่องไตเทียมไปยังตัวกรอง เพื่อขจัดของเสียและน้ำส่วนเกินที่คั่งอยู่ในร่างกาย แล้วนำเลือดที่ฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ระดับของเสียลดลง ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง/ครั้ง และเข้ารับการรักษา 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ผู้ป่วยจะต้องมีการผ่าตัดเตรียมเส้นเลือดให้พร้อมก่อนการฟอกเลือด

วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ในระหว่างการฟอกเลือด ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ใช้โทรศัพท์มือถือควบคู่ไปด้วยได้ การรักษาต้องทำในสถานพยาบาลและได้รับการควบคุมจากผู้เชียวชาญเท่านั้น

-           การฟอกไตทางช่องท้อง – ใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปทิ้งค้างในช่องท้อง โดยอาศัยเยื้อบุช่องท้องแลกเปลี่ยนของเสียและน้ำส่วนเกินออกมาที่น้ำยาล้างไต เมื่อครบตามเวลาที่กำหนดก็จะปล่อยน้ำยาล้างไตที่เต็มไปด้วยของเสียและน้ำส่วนเกินทิ้ง พร้อมกับการเปลี่ยนใส่น้ำยาถุงใหม่เข้าไป ใช้เวลาวันละ 4 รอบต่อเนื่องทุกวัน หรืออาจใช้เครื่องอัตโนมัติช่วยเปลี่ยนน้ำยาแทน ผู้ป่วยต้องมีการผ่าตัดใส่สายยางสำหรับใส่น้ำยาทางช่องท้องก่อนการล้างไต วิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกสำหรับผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตปกติขณะฟอกไตได้ และสามารถทำเองที่บ้านได้

การรักษาโรคไตเรื้อรังนั้นไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากไตที่เสื่อมสภาพไปแล้วนั้นจะไม่สามารถกลับมาทำงานได้อีก การรักษาด้วยยาหรือวิธีการบำบัดทดแทนไตนั้นเป็นเพียงแค่การรักษาที่ชะลอการเสื่อมสภาพของไตเท่านั้น

 

การเตรียมตัวก่อนการฟอกไต

            ผู้ป่วยจะต้องผ่านการเตรียมร่างกายให้พร้อมและเหมาะสมกับวิธีการรักษา และจะต้องรอให้แผลผ่าตัดหายดีก่อนเริ่มการฟอกไต และต้องเรียนรู้วิธีการฟอกไตอย่างถูกวิธีเพื่อที่จะได้ทำได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ควรสวมเสื้อผ้าใส่สบายและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงจากการฟอกไต

 

การดูแลหลังการฟอกไต

            หลังการฟอกไตผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และกลับมาฟอกไตหรือทำเองที่บ้านตามที่แพทย์กำหนดไว้ และพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ในระหว่างการรักษาผู้ป่วยจะต้องดูแลสุขภาพด้วยการจำกัดการรับประทานอาหารและการดื่มของเหลวอย่างเคร่งครัด โดยอาหารที่ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงได้แก่ อาหารที่มีรสจัด อย่างเช่น เค็มจัด หวานจัด เป็นต้น ซึ่งในหนึ่งวันผู้ป่วยไม่ควรรับประทานอาหารที่มีเกลือเกิน 1 ช้อนชาและน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา รวมถึงเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างไส้กรอก อาหารกระป๋อง อาหารหมักดอง และมันฝรั่งทอด นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง เช่น ถั่ว ปลาที่มีไขมันสูง เป็นต้น

โรคไตเรื้อรังเป็นโรคที่ก่อตัวขึ้นทีละน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัว และเมื่อแสดงอาการก็ในระยะที่เกิดความเสียหายรุนแรงแล้ว ดังนั้นการดูแลรักษาร่างกายตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกรับประทานอาหาร และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการตรวจสุขภาพประจำปี จะช่วยให้เรายืดอายุของไตทั้งสองข้างให้แข็งแรงใช้งานได้ไปนาน ๆ

สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต หากพบว่าเริ่มมีโรคไต หรือโรคเรื้อรัง และต้องการความช่วยเหลือในการสรรหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือโรงพยาบาลที่เหมาะสม ท่านสามารถติดต่อทีมพยาบาลแคร์คุณกว่าใครได้ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก  https://www.krungthai-axa.co.th/th/care-coordination

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·         โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/461

·         โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/ckd-chronic-kidney-disease

·         โรงพยาบาลรามคำแหง
https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/1712

·         เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3qTKol9

·         My Kidney Journey
https://th.mykidneyjourney.com/th/find-answers-you-need

 

 

 

บทความสุขภาพที่สำคัญ