โรคจิตเวช คืออะไร
โรคจิตเวช คือ กลุ่มอาการทางจิตใจหรือพฤติกรรมที่ทำให้ผู้ป่วยมีความบกพร่องในการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิต ซึ่งบางคนก็ยอมรับแล้วไปหาจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา แต่บางคนก็ไม่ยอมรับ จนส่งผลให้ไม่ได้รับการรักษาจนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต การสังเกตอาการคนรอบข้างรวมถึงตัวเองเกี่ยวกับโรคจิตเวชจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากพบความผิดปกติหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษา วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับโรคจิตเวชที่พบบ่อยในประเทศไทย และเหตุผลว่าทำไม คนไทยถึงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้
ทำไมคนไทยมีแนวโน้มการเป็นโรคจิตเวชเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมา ทั้งเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงวิกฤตโควิด-19 คนไทยขาดความเข้าถึง และดูแลรักษา เนื่องจากจำนวนบุคลากรสาธารณสุขด้านจิตเวชในไทยนั้นมีน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วย ส่งผลให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาได้ยากจึงทำให้คนไทยมีแนวโน้มการเป็นโรคจิตเวชเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต ปี 2564 พบว่า จำนวนผู้ป่วยทางจิตเวชในไทย เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จาก 1.3 ล้านคนในปี 2558 เป็น 2.3 ล้านคน ในปี 2564 นี่ยังไม่รวม ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า อีกราว 1.35 ล้านคน ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในรอบสิบปีที่ผ่านมา
บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมจิตแพทย์ถึงได้มีน้อย โดย นพ.วรตม์อธิบายว่า จิตแพทย์ขาดแคลนเพราะว่ากระบวนการผลิตจิตแพทย์ใช้เวลานาน ต้องรอจนกว่าแพทย์เรียนจบหลักสูตร 6 ปี ใช้ทุนอีก 3 ปี จึงจะกลับมาเรียนแพทย์เฉพาะทางต่อ จิตแพทย์ผู้ใหญ่ใช้เวลาเรียน 3 ปี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น 4 ปี ซึ่งใช้เวลานานในการผลิต อีกอย่างก็ใช่ว่าจบแล้วได้เป็นเลย ขึ้นอยู่กับหน่วยงาน เช่น ตำแหน่งว่าง มีคนลาออก หรือเปิดหน่วยบริการใหม่ และสำหรับจิตแพทย์ 1 คน ต้องใช้อาจารย์แพทย์ประมาณ 3 คน ด้วยอัตราแบบนี้ทำให้เพิ่มจำนวนได้ช้า เพราะคนที่อยู่ในระบบมีน้อย ไม่เหมือนกับสาขาอื่น ๆ ที่ผลิตได้เยอะกว่า ทำให้คนจ่อคิวรอต่อการพบจิตแพทย์นั้นเยอะมาก ๆ ถ้าเทียบกับจำนวนจิตแพทย์
โรคจิตเวชที่พบบ่อยในไทยมีอะไรบ้าง และมีอาการเป็นอย่างไร
โดยปัจจัยหลัก คงเป็นเรื่องของปัจจัย 4 หรือชีวิตความเป็นอยู่นั่นเอง ปัญหาความเครียดเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ค่าครองชีพ ภาวะว่างงาน ปัญหาการเมือง ไม่มีที่อยู่อาศัย ปัญหาอาชญากรรมและสารเสพติด ความเครียดจากการทำงาน ซึ่งโรคจิตเวชที่พบบ่อยในไทยมี ดังนี้
• โรคซึมเศร้า (Depression) ผู้ป่วยจะมีอาการหดหู่ ท้อแท้ เบื่อหน่าย สะเทือนใจง่าย ร้องไห้บ่อย รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่าหรือเป็นภาระของผู้อื่น หลงลืมง่าย เหม่อลอย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ปวดหัว บางรายอาจไม่รู้สึกเศร้าแต่จะเบื่อหน่ายทุกอย่างและไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง ควรพบจิตแพทย์
• โรคแพนิก (Panic Disorder) เป็นโรคตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นจากระบบประสาทอัตโนมัติไวต่อสิ่งกระตุ้น จนมีอาการหายใจติดขัด หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ จุกแน่น คล้ายจะเป็นลม แต่หากมีอาการแพนิกเกิดขึ้นแล้วมีอาการอื่น ๆ ตามมา เช่น กังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะมีอาการ คุมตัวเองไม่ได้ หมกมุ่น พฤติกรรมเปลี่ยนอย่างชัดเจน แนะนำควรรีบพบจิตแพทย์
• โรคจิตเภท (Schizophrenia) ผู้ป่วยจะมีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน โดยมีอาการหัวเราะหรือพูดคนเดียว หลงผิดหรือหวาดระแวง หากมีอาการนานเกิน 6 เดือนแล้วไม่ได้รับการรักษาจะทำให้การรักษายากขึ้น เนื่องจากจิตเภทเป็นโรคเรื้อรังยิ่งรักษาช้าอาการจะยิ่งมากและรักษายากขึ้น
• โรคไบโพลาร์หรือโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างซึมเศร้าและอารมณ์ดีเกินปกติ โดยในช่วงซึมเศร้าจะมีอาการหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง แล้วจู่ ๆ ก็หายไปเหมือนคนปกติก่อนจะเข้าสู่ช่วงอารมณ์ดีเกินปกติ เช่น อารมณ์คึกคัก กระฉับกระเฉง พลังงานเยอะ นอนน้อย มนุษยสัมพันธ์ดี อารมณ์ดี แต่จะมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ หงุดหงิดง่าย โดนขัดใจแล้วโมโห
นอกจากนี้โรคสมองเสื่อม ก็เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้ในโรคจิตเวช การหมั่นสังเกตอาการของตนเองและคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการใกล้เคียงดังที่กล่าวมา ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อที่จะได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาให้ถูกต้อง อย่ารอจนสายจนเกินไป เพราะโรคจิตเวชอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด โดยสำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต สามารถตรวจสุขภาพจิตใจออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/MindHealth
· โรงพยาบาลเวชธานี
· โรงพยาบาลรามา มหิดล
· กรมสุขภาพจิต
· เว็บไซต์ tcijithai
