สำหรับชาวออฟฟิศสายปาร์ตี้ที่มีโอกาสได้ดื่มแอลกอฮอล์อยู่บ้าง คงจะทราบกันอยู่แล้วว่าตนเองแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่ และมีระดับความรุนแรงในระดับใด แต่หากคุณจัดอยู่ในกลุ่มที่ดื่มเป็นครั้งคราว เมื่อเกิดอาการตัวแดงหลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องมีคำถามอย่างแน่นอนว่ากำลังแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่ ซึ่งเรามีคำตอบมาฝากกันในบทความนี้
แพ้แอลกอฮอล์มีอาการอย่างไร
การแพ้แอลกอฮอล์ คือการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อแอลกอฮอล์อย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการรุนแรงตามมา ไม่ว่าจะเป็น มีผื่นคันหรือบวมบริเวณร่างกายและใบหน้า อาการลมพิษ ปวดท้อง เวียนศีรษะ ไปจนถึงขั้นมีภาวะภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรงที่จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน ชีพจรเต้นอ่อนลง ไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งแท้จริงแล้วนั้นการแพ้แอลกอฮอล์เป็นภาวะที่พบได้ยาก แต่หลายคนที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วหน้าแดงนั้น มักจะเป็นภาวะไม่ทนทานต่อแอลกอฮอล์
ซึ่งภาวะไม่ทนทานต่อแอลกอฮอล์ (Alcohol Intolerance) เป็นภาวะที่มีปริมาณ ALDH2 (Aldehyde Dehydrogenase 2) น้อยหรือมีในระดับปกติแต่ทำงานได้ไม่ดี โดยภาวะนี้เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมและส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนเอเชียจนเกิดเป็นชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า Asian Flush ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย เอนไซม์ ALDH2 ในตับจะทำหน้าที่เผาผลาญแอลกอฮอล์ไม่ให้ก่อพิษกับร่างกาย แต่เมื่อใดที่ขาดเอนไซม์ หรือเอนไซม์ทำงานบกพร่อง จะส่งผลให้เกิดการคั่งของสารพิษ ซึ่งเป็นสาเหตุของการแพ้แอลกอฮอล์ โดยอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เช่น ตัวแดง หน้าแดง ตาแดง ผิวเกิดผื่นคัน มึนศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน เป็นต้น และเนื่องจากอาการเบื้องต้นที่คล้ายกันนี้ จึงมักทำให้คนเข้าใจผิดว่ามีอาการแพ้แอลกอฮอล์
โดยภาวะนี้เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับพันธุ์กรรม ความรุนแรงของอาการจึงแตกต่างกันไปในแต่ละคนและอาการนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงรับประทานยาแก้แพ้ (Antihismines) เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
5 ภาวะที่คนเข้าใจผิดว่าแพ้แอลกอฮอล์
เนื่องจากการแพ้แอลกอฮอล์เป็นภาวะที่พบได้ไม่ง่ายนัก จึงไม่แปลกที่บางคนจะเข้าใจผิดว่าตนเองแพ้แอลกอฮอล์เมื่อมีอาการใกล้เคียงกัน และเหล่านี้คือการแพ้ อาการจากโรคบางชนิด และภาวะอื่น ๆ ที่ต้องเช็กให้แน่ใจว่าใช่การแพ้แอลกอฮอล์หรือไม่
1. การแพ้อาหาร หลายครั้งที่การแพ้ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ หากแต่เป็นการแพ้ส่วนผสมที่อยู่ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น มอลต์ ข้าวบาร์เลย์ องุ่น เป็นต้น
2. การแพ้ยาบางชนิด เช่น ยาทาอีลีเดล และยาโปรโทปิคที่ใช้รักษาโรคผิวหนังอักเสบ
3. การป่วยเป็นโรคบางชนิด เช่น โรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย ที่เมื่อผู้ป่วยได้รับแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะเกิดอาการหน้าแดง ตัวแดงอย่างรุนแรงขึ้นได้
4. ภาวะไม่ทนทานต่อซัลไฟต์ (Sulfite Intolerance) ซึ่งสารซัลไฟต์เป็นสารกันเสียที่ถูกใช้ในการยืดอายุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นสารชนิดนี้จึงก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน
5. ภาวะไม่ทนทานต่อฮิสตามีน (Histamine Intolerance) กล่าวคือเมื่อฮอร์โมน Diamine Oxidase ทำงานได้ไม่เต็มที่ ผู้ที่ได้รับสารฮิสตามินที่มีอยู่ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเกิดอาการแพ้ที่คล้ายการแพ้แอลกอฮอล์ได้
วิธีการรับมือการแพ้แอลกอฮอล์
เบื้องต้นเมื่อเกิดอาการแพ้แอลกอฮอล์ ให้รับประทานยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการคันจากผื่นและอาการคัดจมูก ในกรณีที่มีอาการแพ้ในระดับที่รุนแรง ควรฉีดยาเอพิเนฟรีน (อะดรีนาลีน) เข้าร่างกายอย่างเร็วที่สุด แล้วนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป
การปฏิบัติหลังรักษาการแพ้แอลกอฮอล์
เมื่อแพทย์วินิจฉัยอย่างชัดเจนแล้วว่ามีอาการแพ้แอลกอฮอล์ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันการแพ้แอลกอฮอล์ในอนาคต ในรายที่มีสาเหตุจากพันธุกรรม แนะนำให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อลดโอกาสการแพ้รุนแรงที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิต ส่วนรายที่มีอาการไม่รุนแรงจากส่วนผสมที่มีอยู่ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง ก็ให้เปลี่ยนไปดื่มชนิดอื่น ๆ ที่ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการแพ้แทน
แม้อาการแพ้แอลกอฮอล์จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่เราก็ควรระมัดระวังเมื่อไปปาร์ตี้หรืองานสังสรรค์ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีในอนาคต นอกจากนี้เรายังสามารถทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test) และตรวจเลือด เพื่อตรวจสอบว่าเราแพ้สารอะไรบ้าง ทำให้เราสามารถป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories
แหล่งที่มาของข้อมูล
· เว็บไซต์พบแพทย์
http://bit.ly/3Hdi98a
http://bit.ly/3WIM0v3
· รัตตินันท์ เมดิคอล เซ็นเตอร์
https://www.rattinan.com/alcohol/
