ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
27 กรกฎาคม 2568

ปวดหลังไม่หาย สัญญาณเตือนโรคร้าย ที่ไม่ควรมองข้าม

โดยปกติแล้วอาการ ปวดหลังไม่หาย เรื้อรัง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักพบได้บ่อยขึ้น ในบุคคลที่มีอาชีพการทำงาน ที่ต้องยืนหรือนั่งเป็นระยะเวลานาน รวมถึงต้องยกของหนัก หรือก้ม ๆ เงย ๆ เพื่อหยิบของจากพื้นเป็นประจำ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ สามารถส่งผลกระทบ ทำให้เกิดอาการ ปวดหลัง เรื้อรังได้

ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า ว่าอาการ ปวดหลัง ส่วนไหน สามารถเป็นโรคอะไรได้บ้าง ? แล้ว ปวดหลัง แบบไหนถึงควรที่จะรีบไปหาหมอได้แล้ว ? รวมถึงช่วยแนะนำท่านอนและที่นอน ที่สามารถป้องกันอาการ ปวดหลัง ได้

 

สาเหตุอาการ ปวดหลัง เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

อาการ ปวดหลังไม่หาย ในแต่ละบริเวณของหลัง มีสาเหตุของอาการปวดที่แตกต่างกันออกไป โดยเราจะแบ่งสาเหตุออกเป็น 3 ส่วนดังนี้

1.        หลังส่วนบน

อาการ ปวดหลัง ส่วนบน มักเกิดร่วมกับอาการปวดคอ โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก การอยู่ในอิริยาบถท่าทางที่ไม่เหมาะสมในระหว่างวัน เช่น การนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยที่ไม่ลุกจากเก้าอี้ ก้มหน้าเล่นมือถือนาน ๆ การแบกกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าสะพายหนัก ๆ เป็นต้น ซึ่งการกระทำเหล่านี้ ในระยะยาวสามารถทำให้เกิดเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ นอกจากนี้โรคกล้ามเนื้อ โรคหมอนรองกระดูกคอ หรือโรคกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม ก็สามารถทำให้เกิดอาการปวดคอ ร่วมกับอาการ ปวดหลัง ส่วนบนได้เช่นกัน

2.        หลังส่วนกลาง

อาการ ปวดหลัง ส่วนกลาง มักเกิดจากเตียงนอนที่นุ่มหรือแข็งเกินไป และการก้มยกของหนักที่ไม่ถูกวิธี ซึ่งวิธีการยกของหนักโดยไม่ทำให้ปวดหลัง ควรย่อเข่าลงแล้วยกของ ไม่ควรก้มหลังแล้วยก นอกจากนี้หลังยกของควรยืดตัวเพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อด้วย ส่วนอาการ ปวดหลัง ด้านซ้ายหรือด้านขวา อาจมีสาเหตุมาจาก อุบัติเหตุ การกระแทก กล้ามเนื้อหลังผิดปกติ ข้อต่อกระดูกส่วนอกหรือกระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบ

3.        หลังส่วนล่าง

อาการ ปวดหลัง ช่วงระดับเอว หรือที่เรียกกันว่า Low back pain เป็นอาการ ปวดหลัง ที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักตัวเยอะเกินไป และในกลุ่มโรคกระดูกและข้อ (Orthopaedic) ซึ่งมักเกิดอาการบริเวณกล้ามเนื้อหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง และจากข้อต่อกระดูกสันหลัง โดยมีอาการ ปวดหลัง บริเวณเอวต่ำกว่าขอบของซี่โครงซี่ล่างสุด จนถึงบริเวณสะโพกและก้น และจะมีอาการมากขึ้นหรือลดลง สัมพันธ์กับท่าทางการเคลื่อนไหว หรืออาจปวดตลอดเวลา ในบางรายอาจมีอาการปวดกลางคืนมากจนไม่สามารถนอนหลับได้

 

ปวดหลัง แบบไหนควรรีบไปพบแพทย์ ?

เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีคำถามในใจว่า “แล้วอาการ ปวดหลัง แบบไหนล่ะ ? ที่เราควรจะรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลได้แล้ว ไม่ใช่ไปหาแค่หมอนวด” เรามีคำตอบให้

1.        ปวดหลัง แบบเฉียบพลัน จนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้

2.        ปวดหลัง ขณะเปลี่ยนอิริยาบถ และปวดรุนแรงมากขึ้นในตอนกลางคืน

3.        มีอาการ ปวดหลัง หลังจากเกิดอุบัติเหตุ หรือเล่นกีฬาแล้วบาดเจ็บ

4.        มีอาการ ปวดหลัง เรื้อรังนานกว่า 3 เดือนขึ้นไป โดยอาการไม่มีท่าทีว่าจะบรรเทาลง แต่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

5.        มีอาการ ปวดหลัง ร้าวลงสะโพกและขา ติดต่อกันเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ อาจเป็นข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง รวมถึงอาจมีอาการขาชา และกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง

6.        อาการ ปวดหลัง ที่ทำให้เกิดอาการป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น กระดกข้อเท้าไม่ได้ ปวดขา ขาชา ขาอ่อนแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ปัสสาวะไม่ออก เป็นต้น

 

ท่านอนป้องกันอาการ ปวดหลัง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า แค่ปรับท่าทางการนอน ก็สามารถป้องกันอาการปวดหลังได้นะ เรามาดูกันว่า ท่านอนแบบไหนที่สามารถป้องกันอาการ ปวดหลัง ได้บ้าง ?

1.         ท่านอนตะแคง

นอนตะแคงข้างก่ายหมอนข้างที่ถนัด หนุนหมอนที่ศีรษะตามปกติ งอเข่าทั้งสองข้าง แล้วเอาหมอนหนุนไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง เพื่อปรับแนวสะโพกและกระดูกเชิงกราน ให้อยู่ในแนวที่เหมาะสม เพื่อลดแรงกดของกระดูกสันหลังส่วนเอว รวมถึงป้องกันไม่ให้เข่าที่อยู่ด้านบนแตะที่นอน เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังส่วนล่างพลิก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการ ปวดหลัง และสะโพกได้

2.         ท่านอนหงายหนุนเข่า

นอนหงาย แล้วหนุนหมอนที่ศีรษะ ปล่อยตัวตามสบาย แล้ววางหมอนหนุนอีกใบหรือม้วนผ้าขนหนู วางไว้ใต้หัวเข่าทั้งสองข้าง เพื่อรักษาความโค้งของกระดูกสันหลังส่วนล่าง รวมถึงช่วยลดแรงกดทับของข้อต่อและหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนเอว โดยท่านี้เหมาะสำหรับผู้มีอาการ ปวดหลัง ที่ไม่รุนแรงมากนัก

3.         ท่านอนคว่ำหนุนหน้าท้อง

หาหมอนบาง ๆ รองศีรษะ หันใบหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง แล้วใช้หมอนรองบริเวณท้องและสะโพกให้เข้าที่ เพื่อช่วยให้กระดูกสันหลังตรงและอยู่ในแนวที่สมดุล ป้องกันไม่ให้หลังช่วงเอวแอ่นลงจนเป็นรูปตัวยู รวมถึงช่วยลดแรงกดทับของกล้ามเนื้อ และผ่อนคลายความตึงของแผ่นหลัง แต่ควรจำกัดเวลาในการนอนคว่ำในท่านี้ไม่เกิน 20-30 นาที เพื่อไม่ให้เกิดอาการปวดคอหรือไหล่เพิ่มเติม

 

ที่นอนแบบไหน ? หลับสบายช่วยแก้ ปวดหลังไม่หาย ได้

นอกจากท่านอนที่ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์แล้ว ที่นอนดี ๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แล้วเราควรเลือกซื้อที่นอนแบบไหน เพื่อให้เราหลับสบายตลอดคืน ตื่นมาไม่ ปวดหลัง กันล่ะ ?

1.        ควรเลือกที่นอนที่มีความนุ่มระดับปานกลาง ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป เพื่อรองรับสรีระร่างกายและน้ำหนักตัวได้อย่างเหมาะสม เพราะที่นอนที่มีความแน่นหรือแข็งเกินไป อาจทำให้บางตำแหน่งของร่างกาย โดยเฉพาะปุ่มกระดูก สัมผัสที่นอนแล้วเกิดการกดทับจนรู้สึกเจ็บ ส่วนที่นอนที่นุ่มและยวบจนเกินไป ก็ไม่สามารถรองรับสรีระร่างกายและน้ำหนักตัวของเราได้ จนทำให้เกิดอาการปวดคอ ปวดหลัง ตามมา

2.        เลือกระดับความแน่นของที่นอน โดยอิงจากขนาดและน้ำหนักตัวเอง

คนรูปร่างเล็ก เลือกความแน่นแบบ Soft – Medium นุ่มมาตรฐานจนถึงปานกลาง

คนรูปร่างสมส่วน เลือกความแน่นแบบ Medium – Firm นุ่มปานกลางจนถึงค่อนข้างแน่น

คนรูปร่างใหญ่ เลือกความแน่นแบบ Medium – Firm นุ่มปานกลางจนถึงค่อนข้างแน่น

3.        ควรเลือกที่นอนที่มีขนาดพอเหมาะกับขนาดตัวและจำนวนคน

·       เตียงขนาด 3.5 ฟุต (Single Size) เหมาะสำหรับห้องนอนขนาดเล็ก ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ สามารถนอนได้ 1 คน

·       เตียงขนาด 5 ฟุต (Queen Size) เหมาะสำหรับห้องนอนขนาดกลาง สามารถนอนได้ 1-2 คน

·       เตียงขนาด 6 ฟุต (King Size) เหมาะสำหรับห้องนอนขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ สามารถนอนได้ 2-3 คน เหมาะสำหรับครอบครัว

เพราะหากที่นอนมีขนาดที่เล็กจนเกินไป อาจทำให้มีพื้นที่ในการขยับตัวน้อย ทำให้เรานอนเกร็ง จนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เรา ปวดหลัง ได้

4.        เลือกที่นอนที่ผลิตจากวัสดุเมมโมรี่โฟม ยางพารา หรือสปริง เพราะมีคุณสมบัติความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้ดี มีความสมดุล จึงสามารถรองรับสรีระของร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้เวลาพลิกตัว ยังคงสามารถรักษาท่าทางในการนอนไว้ได้ และไม่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อกดทับ

5.        หลีกเลี่ยงที่นอนที่ผลิตจากวัสดุฟองน้ำ เพราะมีความนุ่มมาก ไม่มีความยืดหยุ่น รวมถึงคืนตัวได้ช้า จึงไม่เหมาะกับคนที่มีอาการ ปวดหลัง

 

ทั้งนี้ควรทดลองนอนด้วยตัวเองเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที เพื่อทดสอบการรองรับน้ำหนักและสรีระร่างกายของที่นอน ว่ารู้สึกนอนสบายหรือไม่ ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง จะเห็นได้ว่าอาการ ปวดหลัง นั้น มีวิธีป้องกันที่ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงเราปรับเปลี่ยนอิริยาบถท่าทาง ในการทำกิจกรรมระหว่างวัน และหลีกเลี่ยงการกระทำต่าง ๆ ที่นำมาซึ่งอาการ ปวดหลัง รวมถึงเลือกที่นอนให้เหมาะสมกับสรีระร่างกายของเรา ก็จะทำให้เราห่างไกลจากโรคร้ายที่มาพร้อมกับอาการ ปวดหลัง และสามารถช่วยให้อาการ ปวดหลัง ของเราทุเลาลงได้ หากใครทีอาการปวดหลังและอยากปรึกษาแพทย์ และกำลังมองหาประกันสุขภาพดี ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/products/health-insurance-and-hospital-income/ihealthy-ultra

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       โรงพยาบาลนครธน

https://url.in.th/cgcEr

·       โรงพยาบาลพญาไท

https://url.in.th/dbfiz

·       โรงพยาบาลพระรามเก้า

https://url.in.th/yjGLQ

·       โรงพยาบาลศิครินทร์

https://url.in.th/uWswd

·       โรงพยาบาลเวชธานี

https://url.in.th/blfXN

·       Bangkok Physiotherapy Center

https://url.in.th/ieWjL

·       โรงพยาบาลราชวิถี

https://url.in.th/ZCypO

·       โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

https://url.in.th/rmzrT

·       โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่

https://url.in.th/ffITo

บทความสุขภาพที่สำคัญ