ถึงแม้ว่ากัญชาจะเป็นชื่อที่คุ้นหูคนไทยมาอย่างยาวนาน แต่กระแสเรื่องกัญชาที่กำลังแพร่หลายอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ หลายคนก็อาจจะมีความรู้สึกอยากรู้อยากลอง แต่จริง ๆ แล้วกัญชานั้นเป็นประโยชน์หรือโทษกับร่างกายกันแน่ แล้วเราควรจะใช้กัญชาในรูปแบบใดบ้าง ก่อนที่จะลองอะไรเราก็ควรศึกษาหาความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ให้เข้าใจเสียก่อน วันนี้เราจึงนำความรู้เรื่องกัญชามาฝากกัน
กัญชาคืออะไร
กัญชา คือ พืชล้มลุกชนิด Cannabis sativa L. ในวงศ์ Cannabaceae มีขนาดลำต้นสูงไม่เกิน 2 เมตร ลักษณะใบเป็นแฉกประมาณ 5 – 8 แฉก แต่ละแฉกมีรอยหยักละเอียดเข้าไปทางก้าน มีดอกสีเขียวช่อเล็ก ๆ ตามกิ่งก้านของต้น ใบและช่อดอกเพศเมียที่แห้งเรียกว่า กระหรี่กัญชา เดิมใช้ปนกับยาสูบและถูกจัดอยู่ในหมวดยาเสพติด ในทางการแพทย์จะนำสารสกัดของกัญชามาใช้ในการบำบัดอาการหรือรักษาโรค ซึ่งสารสกัดจากกัญชามีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ
· สารเตตร้าไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol) หรือสาร THC ออกฤทธิ์ในระบบประสาทส่วนกลางและสมองหลายแห่ง ลดอาการปวด กล้ามเนื้อเกร็ง หรืออาการคลื่นไส้
· สารสารกลุ่มแคนนาบินอยด์ (Cannabidiol) หรือสาร CBD มีสรรพคุณช่วยลดความตื่นเต้นตกใจ ต้านอาการความจำเสื่อมหรือการเกิดโรคจิตประสาท หรือบางกรณีจะใช้เพื่อต้านฤทธิ์ของสาร THC
ปัจจุบันประเทศไทยมีการสกัดกัญชาเพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่
· น้ำมันกัญชา
· ตำหรับยากัญชาแผนไทยตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข
· น้ำมันกัญชาตำหรับหมอเดชาในโครงการวิจัยของกรมการแพทย์และแพทย์แผนไทย
· ตำหรับยาที่ปรุงโดยแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้าน ซึ่งต้องผ่านการรับรองจากกรมการแพทย์แผนไทยและกรมการแพทย์ทางเลือก
กัญชากับการแพทย์
สารในกัญชาที่นำไปใช้ทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นช่อดอก เพราะมีสารสำคัญที่สามารถนำไปสกัดเป็นยาได้มากกว่าส่วนอื่น ๆ โดยเลือกเก็บจากดอกกัญชาตัวเมียที่ไม่ได้ถูกผสม ซึ่งเป็นแหล่งสะสมสารสำคัญของกัญชาอย่าง THC และ CBD รวมถึงสารอื่น ๆ อีกกว่า 400 ชนิด ในปัจจุบันมีการศึกษาพบว่ากัญชามีสรรพคุณในการรักษาอาการหรือโรคบางชนิดได้ เช่น
· บรรเทาอาการปวด ทั้งอาการปวดแบบฉับพลันและแบบเรื้อรัง
· รักษาภาวะปวดประสาท
· ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งที่เกิดจากโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
· รักษาโรคลมชักสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น
· ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด
· รักษาภาวะเบื่ออาหารของผู้ป่วยโรคเอดส์ในบางกรณี
· ช่วยประคับประคองอาการของผู้ป่วยระยะสุดท้าย
จากการศึกษาวิจัยยังมีการพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะนำกัญชาไปใช้รักษาหรือควบคุมอาการจากปัญหาสุขภาพบางอย่างในอนาคต เช่น
· ภาวะสมองเสื่อม
· โรคอัลไซเมอร์
· โรคพากินสัน
· โรควิตกกังวลทั่วไป
· โรคนอนไม่หลับ
· โรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
อาการข้างเคียงและสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแพ้กัญชา
แม้กัญชาจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายในทางการแพทย์ แต่สำหรับร่างกายของบางคนอาจเกิดการต่อต้าน เกิดอาการข้างเคียงหรือเกิดอาการแพ้กัญชาได้ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งจากการบริโภคกัญชาเข้าไปแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ดังนั้นหากพบว่าคนใกล้ชิดมีอาการต่อไปนี้ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
· ง่วงนอนมาก และรู้สึกอารมณ์แปรปรวน
· ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ
· เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน
· เหงื่อออกมากผิดปกติ ตัวสั่น
· ไม่สามารถทรงตัวเวลาเดินได้
· เริ่มพูดไม่ชัดหรือพูดไม่รู้เรื่อง
· รู้สึกกระวนกระวาย วิตกกังวล หรือหวาดระแวงไม่มีสาเหตุ
· หูแว่ว เห็นภาพหลอน พูดคนเดียว
· หายใจไม่ค่อยสะดวก เจ็บหน้าอก
· หัวใจเต้นเร็วและรัวผิดจังหวะ
· เป็นลมหมดสติ
ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงกัญชา
· เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
เพราะจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสมอง ทำให้มีพัฒนาการช้า เสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตเภท ส่งผลต่ออารมณ์และสภาพจิตใจ และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้ เด็กยังมีโอกาสติดกัญชาได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่
· สตรีมีครรภ์ อยู่ระหว่างให้นมบุตร หรือกำลังวางแผนที่จะตั้งครรภ์
เพราะกัญชามีผลเสียโดยตรงต่อพัฒนาการของเด็ก หากกำลังตั้งครรภ์เด็กมีโอกาสเสี่ยงที่จะคลอดออกมาไม่สมบูรณ์ อาจคลอดก่อนกำหนดหรือเสียชีวิตได้ หากอยู่ในระหว่างวางแผนตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะท้องนอกมดลูกหรือไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
· ผู้ที่มีโรคประจำตัว
o โรคเกี่ยวกับหัวใจ เพราะกัญชามีผลโดยตรงต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้ความดันโลหิตอาจสูงหรือต่ำผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจตาย
o โรคที่เกี่ยวกับตับและไต เพราะกัญชาส่งผลต่ออวัยวะส่วนนี้โดยตรง
o โรคหลอดเลือดสมองอักเสบ
o โรคความดันโลหิต
o ผู้ที่ทานยาโรคประจำตัวบางชนิด เนื่องจากกัญชามีผลเปลี่ยนแปลงการขับออกของยาบางชนิดออกจากร่างกาย ซึ่งอาจทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ทั้งมากขึ้นหรือลดลง
· ผู้สูงอายุ
เพราะกัญชาทำให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตผิดปกติ จึงเสี่ยงทำให้ผู้สูงอายุหัวใจวายหรือเสียชีวิตกะทันหัน อาจส่งผลทางจิต ทำให้เกิดการทำร้ายตัวเองได้ และส่งผลต่อการทรงตัว ทำให้ผุ้สูงอายุหกล้มได้ง่าย
· ผู้ใช้ยาละลายลิ่มเลือด (ยาวาร์ฟาริน)
เพราะกัญชาจะทำให้ยาออกฤทธิ์มากขึ้นหรือเพิ่มขนาดยา ทำให้เลือดแข็งตัวได้ลดลง และเลือดออกง่ายขึ้น
· ผู้ที่มีประวัติแพ้กัญชา
· ผู้ที่มีประวัติติดสารเสพติด รวมถึงนิโคตินและผู้ที่ดื่มสุราอย่างหนัก
วิธีบรรเทาอาการเมากัญชาเบื้องต้น
· ดื่มน้ำเปล่าตามมาก ๆ อย่าปล่อยให้ขาดช่วงจนรู้สึกกระหายน้ำ
· กินน้ำมะนาวประมาณครึ่งลูก ผสมกับเกลือหรือน้ำผึ้งหรือน้ำตาลเล็กน้อย หรือเคี้ยวพริกไทย หากเป็นเบาหวานให้ลดปริมาณน้ำผึ้งหรือน้ำตาลลง
· ดื่มน้ำขิงหรือชาขิง 1 แก้ว (250 มิลลิลิตร)
· ชงรางจืด ดื่มวันละ 3 เวลา
ผลของการบริโภคกัญชา
ผลเสีย
· เวียนหัวหมดสติ
· ปากแห้ง ตาแห้ง
· ง่วงซึม ตอบสนองช้า
· ความดันโลหิตลดต่ำลง
· อารมณ์แปรปรวน
· มีปัญหาด้านการสื่อสารและการจดจ่อ
· สูญเสียความทรงจำในช่วงสั้น ๆ
· หวาดระแวง วิตกกังวล มีอาการซึมเศร้า
· ส่งผลต่อพัฒนาการของสมอง ทำให้ระดับ IQ ลดลง
· การรับรู้ต่าง ๆ ผิดปกติ
· ทำให้ความสามารถในการขับขี่ยานพาหะนะลดลง เพราะส่งผลต่อการตัดสินใจและการตอบสนองต่าง ๆ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
· เสี่ยงต่อการเกิดการเสพติด
ผลดี
· ช่วยคลายความกังวล การตื่นกลัว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ดีขึ้น
· ช่วยให้รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
· ในบางตำรับยาจะช่วยรักษาอาการเสียงสั่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรงจากโรคไข้ผอมเหลือง ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ จนร่างกายซีดผอม ตัวเหลือง ไม่มีแรง
· บรรเทาอาการมือเท้าชาอ่อนแรง บรรเทาอาการปวดหรือชาตามเส้นต่าง ๆ
· บางตำรับยาช่วยแก้อาการผื่นคัน ผื่นภูมิแพ้ แผลสะเก็ดเงิน อาการผิวหนังอักเสบและอาการของริดสีดวงทวาร
วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์
· หยดน้ำมันกัญชาใต้ลิ้น
ซึ่งมีสรรพคุณทำให้นอนหลับได้สนิทขึ้น เจริญอาหารมากขึ้นและฟื้นฟูผู้ป่วยเรื้อรัง
· นวดด้วยน้ำมันกัญชา
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เช่น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดกล้ามเนื้อตามร่างกาย รวมไปถึงแก้อาการปวดศีรษะเรื้อรัง และรักษาไมเกรนได้ด้วย
ข้อควรระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์
· ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์กัญชากับกลุ่มเปราะบาง
· ควรเริ่มใช้ในปริมาณที่น้อยที่สุด หากยังไม่ได้ผลต้องค่อย ๆ เพิ่มปริมาณช้า ๆ
· ควรเฝ้าดูแลอาการอย่างใกล้ชิดเมื่อใช้ครั้งแรก เพื่อเฝ้าระวังอาการผิดปกติ
· ไม่ใช้ขณะขับขี่หรือทำงานกับเครื่องจาก หรืองานที่ต้องใช้สมาธิสูง ซึ่งโดยปกติแล้วภายใน 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงอาการเมาก็จะหายไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ปริมาณและวิธีการที่กัญชาเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น
· ศึกษาประโยชน์และโทษของกัญชาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนใช้
· ควรได้รับการวินิจฉัยและแนะนำการใช้จากแพทย์
กัญชาเป็นพืชที่มีทั้งโทษมหันต์และประโยชน์อนันต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการและจุดประสงค์ที่จะนำไปใช้ ถึงแม้ในปัจจุบันกัญชาจะได้รับอนุญาตให้เป็นสมุนไพรที่ใช้ทางการแพทย์ได้อย่างถูกกฎหมาย แต่สิ่งสำคัญคือการศึกษาให้เข้าใจและก็ควรเลือกใช้ให้ตรงตามจุดประสงค์ ไม่ควรนึกสนุกหยิบยื่นกัญชาให้กับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้บริโภคกัญชาด้วยความสมัครใจ เพราะเช่นนั้นแล้วสมุนไพรที่ว่ามีประโยชน์ก็อาจกลายเป็นยาพิษทำลายร่างกายได้
สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories
แหล่งที่มาของข้อมูล
· โรงพยาบาลยันฮี
https://bit.ly/3BAx3V0
· กรมการแพทย์
http://www.rajavithi.go.th/rj/wp-content/uploads/2019/09/Final_Guidance2.pdf
· กระทรวงสาธารณสุข
https://bit.ly/3BBFgIm
· คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
https://bit.ly/3zssw4c
· เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3bmkVfl
· โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ
https://bit.ly/3zQvgK1
· เว็บไซต์ AllWell
https://allwellhealthcare.com/cannabis-allergy/
