น้ำมันมะพร้าวทำมาจากอะไร
น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดไขมันจากเนื้อมะพร้าว โดยมีส่วนประกอบหลักคือกรดไขมันอิ่มตัวขนาดปานกลาง ที่มีชื่อว่ากรดลอริก (Lauric Acid) ซึ่งเมื่อเรารับประทานกรดลอริกเข้าไป ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ที่ลำไส้เล็กและร่างกายสามารถนำไปใช้งานที่ตับได้ทันที ไม่ตกค้างในร่างกาย ซึ่งต่างจากกรดไขมันอิ่มตัวชนิดอื่น ๆ ที่พบในน้ำมันพืชหรือไขมันจากนมและเนื้อสัตว์ที่จะสะสมอยู่ในร่างกายหลังจากที่รับประทานเข้าไป
น้ำมันมะพร้าวมีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร
น้ำมันมะพร้าวถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามกระบวนการผลิต ได้แก่ น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์และน้ำมันมะพร้าวที่ผ่านกรรมวิธี ซึ่งแต่ละชนิดก็จะเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยมีข้อแตกต่างกันดังนี้
· น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Virgin Coconut Oil) หรือที่ในท้องตลาดนิยมเรียกกันว่าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้วิธีทางกายภาพในการสกัดน้ำมันจากเนื้อมะพร้าวสด ทำให้ได้น้ำมันมะพร้าวที่สีใส ไม่มีกลิ่น มีสารอาหารและวิตามินครบถ้วน เหมาะสำหรับการนำมาทาบำรุงและฟื้นฟูผิว
· น้ำมันมะพร้าวที่ผ่านกรรมวิธี (Refined Coconut Oil) หรือน้ำมันมะพร้าวทั่วไปที่ผ่านกระบวนการผลิตทางเคมีและความร้อน ไม่ว่าจะเป็นฟอกสี กำจัดกลิ่น น้ำมันชนิดนี้สามารถทนความร้อนได้ดี เหมาะแก่การนำมาใช้ทอดหรือประกอบอาหาร
ประโยชน์จากน้ำมันมะพร้าว
ด้วยสรรพคุณจากน้ำมันมะพร้าวที่มีมากมาย ทั้งด้านสุขภาพและความงาม โดยมีประโยชน์หลัก ๆ ดังนี้
ประโยชน์จากการทาน
· ช่วยลดน้ำหนัก น้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย
· ช่วยดูแลลำไส้ ในน้ำมันมะพร้าวประกอบไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวขนาดปานกลางที่นอกจากดูดซึมและเผาผลาญได้ง่ายแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดท้องผูก โรคลำไส้อักเสบ และโรคอื่น ๆ
· ดูแลสุขภาพหัวใจ ไขมันจากน้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีในเลือด ซึ่งคอเลสเตอรอลชนิดดีนี้ จะช่วยกำจัดไขมันชนิดไม่ดีที่เป็นไขมันส่วนเกินออกไป
· ดีต่อสมอง เมื่อน้ำมันมะพร้าวที่ผ่านกระบวนการเผาผลาญจะเป็นแหล่งพลังงานที่ดีสำหรับสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้
ประโยชน์จากการใช้ภายนอก
· ช่วยรักษาและบำรุงผิว น้ำมันมะพร้าวสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยการนำมาทาบาง ๆ ที่ผิว และช่วยลดการอักเสบ ลดการระคายเคืองที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนั้นยังช่วยดูแลสุขภาพผิวสำหรับคนผิวแห้งที่ผิวแตกในหน้าหนาว
· ช่วยดูแลรักษาช่องปาก เพียงกลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าว ก็จะช่วยดูแลช่องปาก ด้วยคุณสมบัติของกรดลอริก (Lauric Acid) ที่มีส่วนช่วยในการกำจัดจุลินทรีย์และต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ ลดหินปูนและฟันผุ
· บำรุงผมและป้องกันผมเสีย น้ำมันมะพร้าวเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผมมากมาย เพราะโมเลกุลขนาดเล็กของกรดลอริกจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผมดูมีน้ำหนัก ช่วยฟื้นฟูสภาพผม ช่วยดูแลหนังศีรษะ ลดการระคายเคืองและเกิดรังแค เพียงแค่ใช้น้ำมันมะพร้าวหมักผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือจะนำมาหมักผมทิ้งไว้แล้วค่อยล้างออกก็ได้
· ช่วยป้องกัน UV จากแสงแดด จากการศึกษาพบว่าการทาน้ำมันมะพร้าวลงบนผิว ช่วยป้องกันรังสี UV ได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันมะพร้าว
เนื่องจากในน้ำมันมะพร้าวมีปริมาณไขมันที่สูง หากบริโภคมากเกินไปอาจส่งผลให้คอเลสเตอรอลสูงขึ้น สำหรับผู้ที่มีคอเรสเตอรอลในเลือดสูงควรรับประทานอย่างระวังในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน หรือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
วิธีการเลือกซื้อน้ำมันมะพร้าว
การเลือกซื้อน้ำมันมะพร้าวที่ดี คำนึงได้จาก 3 อย่างเป็นหลัก คือ
1. ลักษณะของน้ำมันมะพร้าว ลักษณะของน้ำมันมะพร้าวที่ดี ต้องไม่มีสีเหลืองเกินไป หรือมีสีใส โปร่งแสง ไม่มีตะกอน
2. กลิ่น - กลิ่นของน้ำมันมันพร้าวที่ดีต้องมีกลิ่นมะพร้าวอ่อน ๆ ไม่มีกลิ่นหืน ไม่มีกลิ่นเปรี้ยว
3. มีมาตรฐานรับรอง การเลือกซื้อน้ำมันมะพร้าวที่ดี ต้องมีมาตรฐานในการผลิต ซึ่ง GMP และ HACCP ที่เป็นแนวทางการผลิต มีคุณภาพและความปลอดภัยรับรองจากผู้ผลิต
เห็นได้ว่าประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวนั้นมีมากมาย ทั้งในเรื่องสุขภาพและความงาม แต่อย่างไรก็ตามควรรับประทานอย่างระมัดระวังและถูกประเภท เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories
แหล่งที่มาของข้อมูล
· HelloKhunmor
https://bit.ly/3WcNlxF
· Pobpad
https://bit.ly/3JfZ5rk
· Healthline
https://bit.ly/3VPt1Cb
· Gotoknow
https://bit.ly/3VUT1Mh
