ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
23 มิถุนายน 2567

ข้าวโพด สุดยอดธัญพืชที่อยู่ท้องและดีต่อสุขภาพ

ข้าวโพด ธัญพืชใกล้ตัวที่มีอยู่ในทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน เป็นของโปรดของมนุษย์ออฟฟิศหลาย ๆ คน รู้หรือไม่ว่า ข้าวโพด อุดมไปด้วยประโยชน์มากกว่าที่เราคิด เพราะมีสารอาหารหลากหลาย ทั้งยังช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น โดยวันนี้เราจะพามารู้จักกับคุณประโยชน์ของข้าวโพดที่เรานึกไม่ถึงกัน

มีสารอาหารอะไรบ้างในข้าวโพด

ข้าวโพด ธัญพืชยอดนิยมที่รับประทานกันทั่วโลก ลักษณะเป็นเมล็ดเรียงเป็นฝัก ซึ่งข้าวโพดไม่ใช่ทั้งผักและผลไม้ แต่เป็นธัญพืชไร่ตระกูลหญ้า มีรสชาติหวาน และเป็นแหล่งของสารอาหารมากมาย โดยข้าวโพด 1 ฝัก (100 กรัม) ให้คุณค่าทางโภชนาการดังนี้

·       พลังงาน: 90 แคลอรี

·       โปรตีน: 3 กรัม

·       ไขมัน: 1 กรัม

·       คาร์โบไฮเดรต: 19 กรัม

·       ไฟเบอร์: 2 กรัม

·       น้ำตาล: 6 กรัม

·       วิตามินซี: 7 มิลลิกรัม

                  ข้าวโพดยังมีวิตามินต่าง ๆ อย่างวิตามินบี 6 วิตามินเอ และยังมีแร่ธาตุอย่างแมงกานีส ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียมอีกด้วย นอกจากนั้นสีของข้าวโพดก็สำคัญเช่นกัน สารสีในพืชเป็นแหล่งของสารเคมีธรรมชาติที่เรียกว่า ไฟโตนิวเทรียนต์ (Phytonutrients) ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น ข้าวโพดสีขาวหรือสีเหลืองจึงมีสารต้านอนุมูลอิสระน้อยกว่าข้าวโพดสีน้ำเงินหรือสีนิล ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ๆ

หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าข้าวโพดกินดิบได้

                  แม้ข้าวโพดมักจะนิยมรับประทานผ่านการปรุงสุก แต่หลายคนสงสัยว่าทานดิบได้หรือไม่ คำตอบคือ ทานได้ แต่อาจต้องมีรสชาติที่หวานน้อยกว่าและมีเนื้อที่แข็งกว่า จึงต้องเคี้ยวให้ละเอียด แต่อย่างไรก็ตาม หากจะทานข้าวโพดดิบควรทำความสะอาดให้ดี เพื่อป้องกันเชื้อโรคหรือแมลงที่แอบอยู่ตามฝัก

ข้าวโพดดีต่อร่างกายด้านไหนบ้าง

·       ช่วยในเรื่องการจดจำและระบบหมุนเวียนของเลือด จากวิตามินบี 6 หรือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ที่เป็นสารอาหารในการสร้างสารสื่อประสาททั้ง 2 แบบได้แก่ สารเซโรโทนิน (Serotonin) สารเคมีที่มีผลต่อการควบคุมความคิด อารมณ์และพฤติกรรม ซึ่งจะทำให้เราอารมณ์ดี สุขภาพจิตดี มีสมาธิในการจดจำสิ่งต่าง ๆ และสารสื่อประสาทแบบที่ 2 คือ นอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ที่มีส่วนช่วยการทำงานของระบบไหลเวียนของโลหิต เพิ่มการหมุนเวียนของเลือด ช่วยลดไขมันเลวในหลอดเลือดในร่างกายและช่วยรักษาภาวะความดันโลหิตต่ำได้อีกด้วย

·       ช่วยบำรุงสายตา เพราะข้าวโพดอุดมไปด้วยลูทีน (Lutein) และซีแซนทิน (Zeaxanthin) พบได้มากในผักสีเหลืองและเขียวเข้ม สารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการบำรุงและลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับดวงตา

·       ขับถ่ายง่าย เพราะข้าวโพดเป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นดี ไฟเบอร์มีหน้าที่ช่วยระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเสริมสร้างสุขภาพของลำไส้

ข้อควรระวังในการรับประทานข้าวโพด

                  การทานข้าวโพดหรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวโพดในปริมาณพอเหมาะไม่ได้ส่งผลเสียหายใด ๆ  แต่การทานข้าวโพดควบคู่กับ น้ำตาล เกลือ หรือเนย อย่างข้าวโพดอบเนย น้ำข้าวโพด ขนมข้าวโพด อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ แม้ข้าวโพดจะมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย แต่การตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคในรูปแบบต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งข้าวโพดมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง โดยร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ ซึ่งการทานน้ำตาลมากเกินไปส่งผลให้เป็นโรคอ้วน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ นอกจากนี้ข้าวโพดมีค่าดัชนีน้ำตาลสูง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงควรรับประทานอย่างพอเหมาะ

 

คุณประโยชน์ของข้าวโพดจะหายไหม ถ้าต้มนานหรือโดนความร้อนนาน ๆ

หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินมาว่า การต้มผักนาน ๆ นั้นทำให้แร่ธาตุ สารอาหาร และคุณประโยชน์นั้นสูญเสียไประหว่างทาง แต่ไม่ใช่กับข้าวโพด เพราะในข้าวโพดมีสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งที่ชื่อว่า กรดเฟอรูลิก (Ferulic Acid) ซึ่งมีส่วนช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง เมื่อถูกความร้อนจากกรรมวิธีต่าง ๆ  เช่น ต้ม นึ่ง คั่วเป็นเวลานาน ก็จะช่วยปลดปล่อยกรดเฟอรูลิกออกมาและสารต้านอนุมูลอิสระก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

·       ถ้าต้มเป็นเวลา 10 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระจะเพิ่มขึ้นจากข้าวโพดหวานดิบ 22 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้น 240 %

·       ถ้าต้มนาน 25 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 44 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้น 550 %

·       ถ้าต้มนาน 50 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นถึง 53 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้นถึง 900 %

ข้อควรระวังคือ ถ้านำข้าวโพดไปผ่านความร้อนไม่ว่าจะกรรมวิธีไหน เกินกว่า 50 นาที จะทำให้ข้าวโพดหลงเหลือแต่ไฟเบอร์และวิตามินซีลดลง แต่เราสามารถทดแทนวิตามินซีด้วยผลไม้ชนิดอื่นแทนได้

 

ข้าวโพดสดกับข้าวโพดกระป๋อง สารอาหารเท่ากันหรือไม่

                  แม้ข้าวโพดทั้งสองแบบมอบคุณค่าทางโภชนาการให้ร่างกาย แต่การเลือกนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และการแปรรูป โดยข้าวโพดสดจะไม่ผ่านการปรุงแต่ง แปรรูป ยังคงไว้ซึ่งวิตามิน แร่ธาตุ และรับไฟเบอร์ได้เต็มที่ มีรสชาติกรอบ หวานธรรมชาติ แต่มีข้อเสียคืออายุการเก็บน้อยสั้นกว่าแบบกระป๋อง ส่วนข้าวโพดกระป๋องก็มีข้อดีคือ สะดวกต่อการทาน มีอายุการเก็บได้นานกว่าข้าวโพดสด แต่ก็อาจจะแลกมากับการแปรรูป ผสมเกลือหรือน้ำตาลและมีราคาที่สูงกว่า

ข้าวโพดหนึ่งฝักมีประโยชน์มากมาย กินง่าย ใครก็รับประทานได้และยังนำไปประกอบเมนูสุขภาพได้มากมาย และสามารถส่งต่อความมหัศจรรย์ของข้าวโพดด้วยการแชร์บทความนี้ให้คนรอบตัวและคนที่คุณรักได้ สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3HhhtPo

·       Webmd
https://wb.md/3vqjczw

·       Cornell University
https://bit.ly/3ud2O58

 

บทความสุขภาพที่สำคัญ