สำหรับใครที่กำลังจะไปทำสวย ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เป็นครั้งแรก แต่ก็กังวลว่า ฉีดแล้วจะได้ผลดีจริงไหม ? จะ แพ้ฟิลเลอร์ หรือเปล่า ? แล้วถ้าแพ้ขึ้นมาจะทำยังไง ? ใจเย็น ๆ แล้วแวะมาอ่านศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในบทความนี้กันก่อน ว่าก่อนจะทำสวยด้วยฟิลเลอร์ เราควรรู้อะไรบ้าง ? รวมถึงวิธีรับมือกับอาการแพ้ฟิลเลอร์เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่า หากเกิดอาการแพ้ จะสามารถรับมือได้อย่างปลอดภัยและทันท่วงที
ฟิลเลอร์ คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็ม ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความคงตัวสูง และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยสารที่นิยมใช้ในปัจจุบันคือ ไฮยาลูรอนิก แอซิค (Hyaluronic Acid) หรือ HA ซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจน ที่สามารถพบได้ในผิวหนังและกระดูกอ่อน โดยจะมีปริมาณที่ลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น ฟิลเลอร์จึงถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ รวมถึงสามารถช่วยปรับรูปหน้า ให้มีความสมส่วน กระชับ และดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น โดยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สลายไป
ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำการฉีดฟิลเลอร์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การหาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ โดยเรามีคำแนะนำดี ๆ และข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้
1. ฟิลเลอร์แท้ต้องเป็นสาร Hyaluronic Acid เท่านั้น
เพราะเป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ปลอดภัย ฉีดแล้วสามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้าง รวมถึงต้องผ่านการรับรองจาก อ.ย. (องค์การอาหารและยา) ด้วย
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปลอมนั้นอันตรายมาก เพราะฟิลเลอร์ปลอมทำมาจากหลากหลายวัสดุ เช่น ซิลิโคนเหลว ไบโอพลาสติก พาราฟิน เป็นต้น ซึ่งไม่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ทำให้หลังฉีดจะย้อยเป็นก้อนแข็ง และอาจเกิดอาการแพ้ อักเสบติดเชื้อ บวมแดง และในบางรายที่อาการหนัก อาจเกิดเนื้อตายบริเวณที่ฉีด หรือตาบอดได้
2. เข้ารับการฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์
โดยแพทย์ที่ทำการรักษาควรเป็นแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์อันเป็นที่น่าพึงพอใจ อย่าเสี่ยงฉีดฟิลเลอร์กับหมอกระเป๋า ที่แอบอ้างตัวเองเป็นหมอเสริมความงาม โดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพ
ซึ่งเราสามารถโทรเช็ก หรือสอบถามที่แผนกต้อนรับของทางคลินิกได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้ผลิตจากสารอะไร และใช้อุปกรณ์ใดในการฉีด รวมถึงแพทย์ที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ ชื่ออะไร และมีใบอนุญาตผู้ประกอบโรคศิลป์ที่ตรงกับชื่อ และเลขที่ใบอนุญาตคลินิกมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ มาแล้วกี่ปี ? นอกจากนี้ยังสามารถขอดูรูปผลงานที่ผ่านมาของแพทย์ท่านนั้นเพื่อประกอบการตัดสินใจได้
นอกจากนี้ประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ของแพทย์ สามารถดูได้จากรางวัลการันตีต่าง ๆ ที่แพทย์ได้รับจากบริษัทผู้จัดจำหน่ายฟิลเลอร์อย่างเป็นทางการ หรืออาจได้รับคำแนะนำปากต่อปาก จากผู้เข้ารับการรักษาคนอื่น ๆ ที่ว่าฉีดฟิลเลอร์มาแล้วได้รับความพึงพอใจ
3. ฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ
โดยคลินิกต้องได้รับมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข ที่มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักของผู้ประกอบการ และมีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพไว้ในคลินิก ให้เห็นได้อย่างเด่นชัด มีอุปกรณ์และเครื่องมือในการช่วยเหลือยามฉุกเฉิน รวมถึงมีพื้นที่ และห้องทำหัตถการที่กว้างขวาง สะอาด ไม่ทึบ หรือแออัด
นอกจากนี้ควรเลือกคลินิกที่มีการนัดหมาย เพื่อติดตามผลคนไข้ภายหลังการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงมีการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวทั้งก่อน–หลังการฉีดฟิลเลอร์ และชี้แจ้งถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คนไข้รับทราบและเข้าใจ ก่อนเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์ ที่สำคัญทางคลินิกควรมีช่องทางติดต่อได้สะดวก เพื่อที่เราจะสามารถสอบถามข้อสงสัยหรือแจ้งคลินิกได้ทันที หากเกิดอาการผิดปกติ
4. เลือกฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลเหมาะสม
เพื่อช่วยลดปัญหาฟิลเลอร์เคลื่อนที่จากบริเวณที่ฉีด และสามารถทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น โดยสามารถประเมินขนาดโมเลกุลที่เหมาะสมได้ด้วยการพิจารณาจากบริเวณที่ต้องการฉีด เช่น ใต้ตาใช้โมเลกุลเล็กเพื่อความเนียน โหนกแก้มใช้โมเลกุลใหญ่เพิ่มโครงหน้า เป็นต้น
5. ศึกษาวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์
· งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ออกกำลังกาย ซาวน่า เป็นต้น เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนฉีดฟิลเลอร์
· งดการทำเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์
· งดการใช้ยาผลัดเซลล์ผิว ดึงหรือโกนขนบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์
· งดฉีดยาและวิตามินบางชนิดก่อนฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ แอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) วิตามินอี น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ใบแปะก๊วย กระเทียม และโสม เป็นต้น
อาการแพ้และผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์
จริง ๆ แล้วอาการแพ้ฟิลเลอร์นั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารไฮยาลูรอนิก แอซิค (Hyaluronic acid) ที่สามารถสลายได้เอง ปลอดภัย และไม่ตกค้างในร่างกาย ซึ่งโดยปกติรอยแดงหรือรอยช้ำที่เกิดขึ้นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากเกิดผลข้างเคียงหรือมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ เรามีวิธีสังเกตุได้ดังนี้
1. เกิดรอยนูนหรือผิวไม่เรียบ เนื่องจากใช้เทคนิคการฉีดที่ตื้นเกินไป การฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุลไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เห็นฟิลเลอร์เป็นก้อน ทำให้ผิวดูไม่เรียบและเป็นรอยนูนได้
2. ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งที่ฉีด ไปยังบริเวณข้างเคียงที่ไม่ต้องการ มักเกิดขึ้นได้เมื่อมีการฉีดฟิลเลอร์ใกล้กับกล้ามเนื้อที่มีการขยับบ่อย
3. เกิดก้อนนูนแดงและอักเสบ อาการแพ้ชนิดนี้อาจพบได้หลังการฉีดฟิลเลอร์ผ่านไปแล้วเป็นเวลาหลายเดือนหรืออาจเป็นปี ขึ้นอยู่กับอายุใช้งานของฟิลเลอร์ชนิดนั้น ๆ และภูมิคุ้มกันของผู้ที่รับการฉีด
4. ผื่นลมพิษแบบรุนแรง (Angioedema) สามารถพบได้น้อยมาก หากมีอาการต้องรีบพบแพทย์ทันที และอาการนี้มักเกิดขึ้นทันทีหลังฉีด
5. ฟิลเลอร์อักเสบ หรือการติดเชื้อภายหลังการฉีดฟิลเลอร์ มีอาการตั้งแต่ ปวดบวม แดง ร้อน มีตุ่มหรือก้อนหนองบริเวณที่ฉีด โดยมีสาเหตุมาจาก การฉีดฟิลเลอร์ปลอม วิธีการฉีดที่ไม่สะอาด คลินิกไม่ได้มาตรฐาน หรือการฉีดกับหมอกระเป๋า ที่แอบอ้างตัวเองเป็นหมอเสริมความงาม โดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพ
6. ฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง โดยฉีดเข้าไปโดนบริเวณหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดแดง ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด จนนำไปสู่อาการเนื้อตาย (Necrosis) บริเวณ่เส้นเลือดนั้น
7. ตาบอด เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีด ไหลเข้าไปอุดตัน บีบ หรือกดหลอดเลือดแดง ที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา ส่งผลทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นตลอดไปได้
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหาก แพ้ฟิลเลอร์
เมื่อเกิดอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ ให้ตั้งสติ หยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ และรีบปฐมพยาบาลตัวเองเบื้องต้นทันที ก่อนรีบไปพบแพทย์ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. ประคบเย็น หากมีอาการบวมและแดง ให้ใช้ผ้าเย็นหรือเจลประคบเย็น เพื่อช่วยบรรเทาอาการการบวมได้ แต่อย่าใช้น้ำแข็งโดยตรงกับผิว เพราะจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองมากขึ้น
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นการนวดหรือกด เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น หรือทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวจากจุดเดิมได้
3. หามีการฉีดบริเวณใกล้ดวงตา และรู้สึกมีอาการผิดปกติ หรือฟิลเลอร์ขยับ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
เพียงแค่เราทำการศึกษาสักนิด และเช็กข้อมูลให้ดีสักหน่อย ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการการฉีดฟิลเลอร์ ก็จะสามารถลดความเสี่ยงที่จะทำให้เราเกิดอาการ แพ้ฟิลเลอร์ ได้ หากใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ลองเข้ามาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/products/health-insurance-and-hospital-income/ihealthy-ultra
แหล่งที่มาของข้อมูล
· โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
· โรงพยาบาลศิครินทร์
· โรงพยาบาลนครธน
· V Square Clinic
· RWC Clinic
