ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
10 มีนาคม 2567

ปัสสาวะขัด ฉี่ไม่ออก-แสบ อาการเสี่ยงโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

เมื่อเวลาที่เราพูดถึงอาการปัสสาวะไม่ออก ระคายเคืองขณะปัสสาวะ เราอาจจะนึกถึงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือเป็นโรคนิ่ว โดยบางคนที่มีอาการไม่มากนักอาจจะปล่อยทิ้งไว้ให้อาการหายไปเอง แต่ความเป็นจริงแล้วอาการเหล่านี้ส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะภายในร่างกาย โดยวันนี้เราจึงนำความรู้เรื่องปัสสาวะขัดมาฝากกัน

มารู้จักกับอาการปัสสาวะขัด

ผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะขัด (Dysuria) นั้นจะรู้สึกระคายเคืองและปวดแสบปวดร้อนระหว่างการขับถ่ายปัสสาวะ บางครั้งอาจต้องเบ่งและอาจจะรุนแรงไปถึงขั้นไม่สามารถปัสสาวะได้ ในบางรายอาจมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ อาการนี้บ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาการปัสสาวะขัดสามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะและยาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการและการวินิจฉัยของแพทย์ 

อาการปัสสาวะขัดเกิดจากอะไรได้บ้าง

·       การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infections) เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการปัสสาวะขัด ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดการระคายเคืองระหว่างปัสสาวะ

·       การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections) เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรค เช่น หนองใน ส่งผลให้ท่อปัสสาวะอักเสบ เมื่อผู้ป่วยปัสสาวะจึงมีอาการแสบหรืออาการปัสสาวะติดขัดนั่นเอง

·       การติดเชื้อราในช่องคลอด (Candidiasis) ผู้ป่วยจะมีอาการคันและระคายเคืองบริเวณช่องคลอดหรือภายในช่องคลอดและ รู้สึกแสบร้อนขณะมีเพศสัมพันธ์หรือปัสสาวะ

·       การติดเชื้อบริเวณต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมลูกหมากที่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ จึงส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะลำบากและรู้สึกแสบขณะปัสสาวะ สามารถพบได้ในเพศชายทุกวัย

·       ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรือเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย (Interstitial Cystitis) โรคนี้จะมีอาการแตกต่างจากโรคอื่นเล็กน้อย ตรงที่ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อยร่วมกับอาการปวดแสบ แต่เมื่อตรวจเชื้อจะไม่พบเชื้อแบคทีเรีย หรือโรคนิ่วในไตที่ทำให้เกิดการอุดตันในทางเดินปัสสาวะ เมื่อผู้ป่วยปัสสาวะก็จะมีอาการปวดและรู้สึกเจ็บ

·       การระคายเคืองจากสารเคมี จากการสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด เช่น สบู่ ยาสระผม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ที่สัมผัสถูกบริเวณอวัยวะเพศ ก็สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการปัสสาวะติดขัดตามมาได้

 

แพทย์วินิจฉัยอาการปัสสาวะติดขัดอย่างไรบ้าง

คนที่มีอาการปัสสาวะขัดมักจะรู้สึกระคายเคืองขณะที่ปัสสาวะ ซึ่งถ้ามีอาการระคายเคืองที่หนักขึ้นหรือเจ็บแสบมากขึ้นควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยวิธีการวินิจฉัยของแพทย์จะซักถามประวัติ พฤติกรรม และอาการของผู้ป่วย หลังจากนั้นแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการตรวจตามการซักถาม ตัวอย่างเช่น

·       หากแพทย์วินิจฉัยว่าติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ จะทำการตรวจเลือดเพื่อหาว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดไหน

·       หากผู้ป่วยมีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย แพทย์อาจตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้หรือเทียม ซิฟิลิส เอดส์ เป็นต้น

·       ในการวินิจฉัยท่อปัสสาวะอักเสบและช่องคลอดอักเสบ จะมีการตรวจหาเชื้อโดยการเก็บเชื้อและส่งตรวจ

นอกจากนี้แพทย์อาจถามถึงอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกับอาการปัสสาวะขัด เช่น มีไข้ ตกขาวผิดปกติไหม หรืออาการเจ็บหลังหรือเอว รวมไปถึงความผิดปกติในการปัสสาวะ เช่น สีของปัสสาวะ การไหลของปัสสาวะ ปัสสาวะมีเลือดออกหรือไม่ มีปัสสาวะหยดอยู่ตลอดเวลาไหม การเจ็บแสบเมื่อเริ่มปัสสาวะ หรือสอบถามความถี่ในการปัสสาวะ เป็นต้น

8 วิธีการป้องกันอาการปัสสาวะขัด

เราสามารถป้องกันปัสสาวะขัดรวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบบทางเดินปัสสาวะด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนี้

·       ดื่มน้ำ 6-8 แก้วหรือ 2 ลิตรต่อวัน ซึ่งควรทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ

·       สำหรับผู้หญิงควรเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทางท่อปัสสาวะหลังการขับถ่าย ส่วนในผู้ชายใช้ผ้าสะอาดหรือทิชชูเช็ดให้แห้ง

·       ปัสสาวะทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเป็นการชะล้างแบคทีเรียออกจากท่อปัสสาวะ

·       สำหรับผู้หญิงที่มีรอบเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ เช็ดให้แห้งและรักษาความสะอาด จะได้ไม่เกิดการอับชื้น

·       หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง เช่น สบู่หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

·       ปัสสาวะทันทีเมื่อปวด ไม่กลั้นปัสสาวะเป็นระยะเวลานาน

·       ผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะขัด ต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่งจนครบ

·       ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

อาการปัสสาวะขัดเป็นหนึ่งในอาการของการติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะซึ่งสามารถก่อให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือการติดเชื้อบริเวณอื่น ๆ ได้ ดังนั้นเราจึงควรรักษาความสะอาด ดูแลสุขภาพ และหมั่นตรวจเช็กความผิดปกติของร่างกายเสมอ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีอาการที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธี  สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       เว็บไซต์ Pobpad

http://bitly.ws/S5C5

·       เว็บไซต์ WebMD

http://bitly.ws/S5CS

·       เว็บไซต์ Drugs.com

http://bitly.ws/S5Dg

·       เว็บไซต์ Haarmor

http://bitly.ws/S5Dn

·       คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช

http://bitly.ws/S5JE

บทความสุขภาพที่สำคัญ