เมื่อเวลาที่เราพูดถึงอาการปัสสาวะไม่ออก ระคายเคืองขณะปัสสาวะ เราอาจจะนึกถึงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือเป็นโรคนิ่ว โดยบางคนที่มีอาการไม่มากนักอาจจะปล่อยทิ้งไว้ให้อาการหายไปเอง แต่ความเป็นจริงแล้วอาการเหล่านี้ส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะภายในร่างกาย โดยวันนี้เราจึงนำความรู้เรื่องปัสสาวะขัดมาฝากกัน
มารู้จักกับอาการปัสสาวะขัด
ผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะขัด (Dysuria) นั้นจะรู้สึกระคายเคืองและปวดแสบปวดร้อนระหว่างการขับถ่ายปัสสาวะ บางครั้งอาจต้องเบ่งและอาจจะรุนแรงไปถึงขั้นไม่สามารถปัสสาวะได้ ในบางรายอาจมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ อาการนี้บ่งชี้ถึงความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาการปัสสาวะขัดสามารถรักษาได้โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะและยาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการและการวินิจฉัยของแพทย์
อาการปัสสาวะขัดเกิดจากอะไรได้บ้าง
· การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infections) เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการปัสสาวะขัด ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดการระคายเคืองระหว่างปัสสาวะ
· การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections) เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรค เช่น หนองใน ส่งผลให้ท่อปัสสาวะอักเสบ เมื่อผู้ป่วยปัสสาวะจึงมีอาการแสบหรืออาการปัสสาวะติดขัดนั่นเอง
· การติดเชื้อราในช่องคลอด (Candidiasis) ผู้ป่วยจะมีอาการคันและระคายเคืองบริเวณช่องคลอดหรือภายในช่องคลอดและ รู้สึกแสบร้อนขณะมีเพศสัมพันธ์หรือปัสสาวะ
· การติดเชื้อบริเวณต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมลูกหมากที่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ จึงส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะลำบากและรู้สึกแสบขณะปัสสาวะ สามารถพบได้ในเพศชายทุกวัย
· ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรือเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย (Interstitial Cystitis) โรคนี้จะมีอาการแตกต่างจากโรคอื่นเล็กน้อย ตรงที่ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อยร่วมกับอาการปวดแสบ แต่เมื่อตรวจเชื้อจะไม่พบเชื้อแบคทีเรีย หรือโรคนิ่วในไตที่ทำให้เกิดการอุดตันในทางเดินปัสสาวะ เมื่อผู้ป่วยปัสสาวะก็จะมีอาการปวดและรู้สึกเจ็บ
· การระคายเคืองจากสารเคมี จากการสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด เช่น สบู่ ยาสระผม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ที่สัมผัสถูกบริเวณอวัยวะเพศ ก็สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการปัสสาวะติดขัดตามมาได้
แพทย์วินิจฉัยอาการปัสสาวะติดขัดอย่างไรบ้าง
คนที่มีอาการปัสสาวะขัดมักจะรู้สึกระคายเคืองขณะที่ปัสสาวะ ซึ่งถ้ามีอาการระคายเคืองที่หนักขึ้นหรือเจ็บแสบมากขึ้นควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยวิธีการวินิจฉัยของแพทย์จะซักถามประวัติ พฤติกรรม และอาการของผู้ป่วย หลังจากนั้นแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ในการตรวจตามการซักถาม ตัวอย่างเช่น
· หากแพทย์วินิจฉัยว่าติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ จะทำการตรวจเลือดเพื่อหาว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดไหน
· หากผู้ป่วยมีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย แพทย์อาจตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้หรือเทียม ซิฟิลิส เอดส์ เป็นต้น
· ในการวินิจฉัยท่อปัสสาวะอักเสบและช่องคลอดอักเสบ จะมีการตรวจหาเชื้อโดยการเก็บเชื้อและส่งตรวจ
นอกจากนี้แพทย์อาจถามถึงอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกับอาการปัสสาวะขัด เช่น มีไข้ ตกขาวผิดปกติไหม หรืออาการเจ็บหลังหรือเอว รวมไปถึงความผิดปกติในการปัสสาวะ เช่น สีของปัสสาวะ การไหลของปัสสาวะ ปัสสาวะมีเลือดออกหรือไม่ มีปัสสาวะหยดอยู่ตลอดเวลาไหม การเจ็บแสบเมื่อเริ่มปัสสาวะ หรือสอบถามความถี่ในการปัสสาวะ เป็นต้น
8 วิธีการป้องกันอาการปัสสาวะขัด
เราสามารถป้องกันปัสสาวะขัดรวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคระบบทางเดินปัสสาวะด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
· ดื่มน้ำ 6-8 แก้วหรือ 2 ลิตรต่อวัน ซึ่งควรทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ
· สำหรับผู้หญิงควรเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทางท่อปัสสาวะหลังการขับถ่าย ส่วนในผู้ชายใช้ผ้าสะอาดหรือทิชชูเช็ดให้แห้ง
· ปัสสาวะทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อเป็นการชะล้างแบคทีเรียออกจากท่อปัสสาวะ
· สำหรับผู้หญิงที่มีรอบเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ เช็ดให้แห้งและรักษาความสะอาด จะได้ไม่เกิดการอับชื้น
· หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง เช่น สบู่หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
· ปัสสาวะทันทีเมื่อปวด ไม่กลั้นปัสสาวะเป็นระยะเวลานาน
· ผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะขัด ต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่งจนครบ
· ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
อาการปัสสาวะขัดเป็นหนึ่งในอาการของการติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะซึ่งสามารถก่อให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือการติดเชื้อบริเวณอื่น ๆ ได้ ดังนั้นเราจึงควรรักษาความสะอาด ดูแลสุขภาพ และหมั่นตรวจเช็กความผิดปกติของร่างกายเสมอ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีอาการที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธี สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories
แหล่งที่มาของข้อมูล
· เว็บไซต์ Pobpad
· เว็บไซต์ WebMD
· เว็บไซต์ Drugs.com
· เว็บไซต์ Haarmor
· คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช
