ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
02 มิถุนายน 2565

ฟันเหลือง แก้ยังไง สาเหตุที่ทำให้ฟันเหลือง บอกลาฟันเหลืองด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

หนึ่งในกิจกรรมที่ชาวออฟฟิศแทบทุกคนทำอยู่บ่อยครั้งคือการพรีเซนต์งาน ทั้งต่อเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า และลูกค้า นอกจากจะเตรียมเนื้อหาให้แน่น ฝึกทักษะการพรีเซนต์ให้คล่องแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ละเลยไม่ได้เลยคือบุคลิกภาพภายนอก หนึ่งในเรื่องที่ควรให้ความสำคัญก็คือฟันของเรา วันนี้มีความรู้และวิธีการแก้ฟันเหลือง เพื่อเสริมความมั่นใจมาฝากกัน

 

สาเหตุที่ทำให้ฟันเหลือง

•          การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเป็นประจำ เช่น ชา กาแฟ เพราะในเครื่องดื่มประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นกรดที่เข้าไปทำลายสารเคลือบฟันตามธรรมชาติให้บางลง เครื่องดื่มจับผิวฟันได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ฟันของเรามีสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีสารโครโมเจน (Chromogen) ที่เป็นสารก่อให้เกิดสีเข้าไปเคลือบฟันจนเกิดเป็นคราบเหลือง และสารแทนนิน (Tannin) ที่ทำให้คราบเหลืองติดแน่นบนผิวฟัน นอกจากนี้ยังมีอาหารที่มีส่วนผสมของสีสังเคราะห์ เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ขนมหวาน ที่ทำให้เกิดคราบสีบนผิวฟัน เนื่องจากสารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการจับกับผิวคลือบฟันและรากฟันได้ดี รวมถึงผลไม้ที่มีสีเข้ม เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี ผลไม้เหล่านี้มีสารโครโมเจนและแทนนิน จึงส่งผลเช่นเดียวกับการดื่มชากาแฟ ไม่เพียงเท่านี้รสเปรี้ยวในผลไม้ยังมีความเป็นกรดที่ส่งผลให้ผิวเคลือบฟันถูกกัดกร่อนและบางลง จึงทำให้ฟันเหลืองนั่นเอง

•          การสูบบุหรี่ ในบุหรี่จะมีสารที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ เช่น กำมะถัน ซึ่งจะเข้าไปสะสมอยู่บนผิวฟันและแทรกซึมเข้าไปในเนื้อฟัน จนทำให้ฟันเปลี่ยนสี

•          วัย ชั้นเคลือบฟัน (Enamel) ตามธรรมชาติก็จะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เห็นเนื้อฟันสีเหลืองตามธรรมชาติ

•          การทำความสะอาดฟันไม่ถูกวิธี การแปรงฟันไม่ถูกวิธี และไม่ใช้ไหมขัดฟัน จะทำให้ไม่สามารถกำจัดคราบที่ติดอยู่ที่ฟันออกไปได้หมด จึงเป็นคราบติดแน่นในระยะยาว

•          ฟันผิดปกติ เช่น ฟันผุที่มักจะมีสีเหลืองเข้มหรือเหลืองแกมน้ำตาล ฟันตายที่ไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้ฟันไม่โปร่ง มีสีทึบ หรือบางคนอาจมีฟันที่มีสีผิดปกติมาตั้งแต่เกิด  จากการเป็นโรคหรือรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาเตตราซัยคริน ที่ส่งผลต่อสีของฟันในช่วงสร้างฟันแท้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นช่วงอายุ 3 -12 ปีที่ฟันน้ำนมหลุดและฟันแท้เริ่มขึ้น

 

ฟอกฟันขาว ทางออกของปัญหาที่ถาวรจริงหรือไม่

            การฟอกฟันเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่หลายคนนึกถึงเมื่อต้องเจอปัญหาฟันเหลือง แต่สิ่งที่ควรต้องรู้ก็คือ การฟอกฟันขาวสามารถทำได้เฉพาะคนที่มีสุขภาพเหงือกและฟันที่แข็งแรงและควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อน เพราะสารเคมีในผลิตภัณฑ์ฟอกฟันจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง แสบเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก และอาจเกิดอาการเสียวฟันหลังฟอกฟัน ทั้งนี้การฟอกฟันสามารถทำได้ทั้งกับทันตแพทย์และซื้อผลิตภัณฑ์มาทำเองที่บ้าน

            อย่างไรก็ตามแม้ว่าการฟอกฟันจะช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ฟันขาวถาวรได้ เพราะการฟอกฟันขาวจะทำให้ฟันขาวขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น โดยระยะเวลาการรักษาสภาพสีฟันไม่ให้กลับมามีสีเดิมขึ้นอยู่กับสีฟันก่อนฟอก หากสีเดิมค่อนข้างคล้ำ สีก็อาจจะกลับไปเป็นแบบเดิมภายใน 1 - 2 ปี แต่ถ้าก่อนฟอกฟันเป็นสีเหลืองอ่อนก็จะอยู่ได้นาน 3 - 4   ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและปัจจัยที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ด้วย

 

บอกลาฟันเหลืองด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

•          ยาสีฟันเพื่อฟันขาว ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยให้ฟันขาว คาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) จะช่วยขจัดคราบสกปรกที่พื้นผิวฟัน ทำให้สีฟันค่อย ๆ ขาวขึ้นเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ช่วยฟอกฟันหรือเปลี่ยนสีฟันในทันที

•          น้ำยาบ้วนปากฟอกฟันขาว คุณสมบัติโดยรวมจะคล้ายกับน้ำยาบ้วนปากทั่วไป แต่จะแตกต่างที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งจะช่วยให้ฟันขาว 

•          ปรับพฤติกรรม เช่น ลดหรือเลิกสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม

•          เจลหรือแผ่นฟอกฟันขาว เจลฟอกฟันขาวที่มีขายตามท้องตลาดจะมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันออกไป ควรใช้ตามคำแนะนำตามฉลากอย่างระมัดระวัง จะเห็นผลลัพธ์ไม่กี่วันหลังใช้ และจะอยู่ได้ประมาณ 4 เดือน ส่วนแผ่นฟอกฟันขาวจะบางมาก ๆ ซึ่งเคลือบด้วยสารฟอกฟัน มักใช้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที นาน 14 วัน จะเห็นผลลัพธ์ไม่กี่วันหลังใช้เช่นกัน

 

เนื่องจากเหงือกและฟันของแต่ละคนมีความไวต่อสารเคมีไม่เหมือนกัน การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อฟันขาวจึงอาจมีผลระทบต่อสุขภาพฟันและเหงือก ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา เช่น เกิดอาการเสียวฟัน หรือแสบบริเวณเหงือกและเนื้อเยื้ออ่อนในช่องปาก เป็นต้น ดังนั้นสิ่งที่มีผลเสียน้อยที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลด ละ เลิกสิ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ฟันเหลือง รวมถึงหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากด้วยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน ใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นประจำ และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน เท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพปากสุขภาพฟันที่แข็งแรงและจะสามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ จะการพรีเซนต์ครั้งไหนก็ผ่านฉลุยแน่นอน

 

สุขภาพฟันดูแลได้ สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ท่านสามารถขอรับบริการให้คำปรึกษาการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและโภชนาการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/WellnessConsultation

แหล่งที่มาของข้อมูล

·         คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=94

·         โรงพยาบาลพญาไท
https://bit.ly/3uy9NTL

·         เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3Gz5YAe
https://bit.ly/3LfbifD

บทความสุขภาพที่สำคัญ