ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
23 กันยายน 2566

เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก ใจสั่น ต้องเช็ก! กับ 10 อาการเตือนโรคหัวใจ

โรคหัวใจเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทย โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณะสุข รายงานว่าในแต่ละปีมีผู้ป่วยมากถึง 7 หมื่นรายที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้จะมีเพิ่มขึ้นเนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน เพื่อป้องกันและยับยั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้โรคหัวใจเกิดขึ้น วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักและทำความเข้าใจโรคหัวใจกัน

 

รู้จัก “หัวใจ” ของเรากันก่อน

              ก่อนที่จะรู้จักโรคหัวใจ เราต้องรู้จักหัวใจของเราก่อน โดยหัวใจ เป็นอวัยวะที่มีขนาดเท่ากำปั้น ประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ แต่ภายในมีลักษณะกลวง แบ่งออกเป็น 4 ห้อง แบ่งห้องย่อยออกเป็น 2 ห้องบนและ 2 ห้องล่าง ตำแหน่งของหัวใจจะอยู่ใต้กระดูกหน้าอก บริเวณส่วนกลางของหน้าอก ค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย หน้าที่ของหัวใจคือการสูบฉีดเลือดเพื่อนำพาเอาออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กระบวนการการทำงานของหัวใจสามารถเรียงลำดับและหน้าที่ได้ดังต่อไปนี้

                  1. หัวใจห้องบนขวา (Right Atrium) – ทำหน้าที่รับเอาเลือดที่มีออกซิเจนต่ำ และส่งต่อไปยังหัวใจห้องล่างขวา

                  2. หัวใจห้องล่างขวา (Right Ventricle) – เมื่อรับเลือดมาแล้วจะฉีดเลือดไปที่ปอดเพื่อฟอกเลือด

                  3. หัวใจห้องบนซ้าย (Left Atrium) – รับเลือดที่ฟอกเสร็จแล้วจากปอด แล้วส่งต่อมาที่หัวใจห้องล่างซ้าย

                  4. หัวใจห้องล่างซ้าย (Left Ventricle) - สูบฉีดเลือดที่รับมาไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

                  หัวใจจะเริ่มทำงานตั้งแต่ทารก ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดา และลักษณะพิเศษของหัวใจคือ สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้เอง ซึ่งกระแสไฟฟ้านี้เกิดขึ้นจากกระบวนการการทำงานของหัวใจทั้ง 4 ห้องที่เราได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้

                  หัวใจห้องบนจะมีจุดกำเนิดไฟฟ้าหัวใจที่เรียกว่า “SA-node”  ซึ่งทำให้เกิดการเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าขึ้นในหัวใจห้องบน และส่งกระแสไฟฟ้าเคลื่อนไปยัง “AV-node” โดยผ่านเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจชนิดพิเศษ แล้วแผ่ขยายกระแสไฟฟ้าไปทั่วหัวใจห้องล่าง ทำให้เกิดคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างสมบูรณ์ ซึ่งกระบวนการนี้เราจะคุ้นเคยกันในลักษณะของ “อัตราการเต้นของหัวใจ” หรือ “ชีพจร” สำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติจะมีอัตราการเต้นของหัวใจในขณะพักอยู่ที่ 60-100 ครั้ง/นาที

 

โรคหัวใจคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง

              โรคหัวใจหรือ Heart Disease หมายถึง ภาวะผิดปกติต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจจะแยกย่อยไปตามประเภทของโรค แต่ก็สามารถแบ่งปัจจัยของความเสี่ยงออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ และปัจจัยที่ควบคุมได้

                  1. ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้

เช่น กรรมพันธุ์ เพศและอายุ เพศชายจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากกว่าเพศหญิง เพราะมีความแตกต่างของฮอร์โมน ขนาดของหัวใจและหลอดเลือดของเพศชายที่ใหญ่กว่าผู้หญิง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดอุดตันในหัวใจมากกว่า รวมถึงความแตกต่างของสรีรวิทยาและกายวิภาค โดยเฉพาะในวัย 45 ปีขึ้นไป ส่วนเพศหญิงอัตราเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่ออายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป หรือวัยทองหลังหมดประจำเดือน ถึงการเกิดโรคจะเป็นผลจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ แต่ก็สามารถชะลอและลดความเสี่ยงเกิดโรคได้โดยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้

              2. ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้

              พฤติกรรมในการใช้ชีวิตเฉพาะบุคคล เช่น การชอบบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การสูบบุหรี่ การมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงการไม่ออกกำลังกาย รวมไปถึงความเครียด เป็นต้น

 

10 อาการเตือนโรคหัวใจ

โรคหัวใจมีอาการที่สังเกตได้ด้วยตัวเองโดยง่าย ซึ่งอาการของผู้ป่วยหลัก ๆ จะ มี 10 ข้อ ดังนี้

1.        มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เช่น รู้สึกเจ็บเหมือนมีของหนักกดทับ รู้สึกเจ็บหน้าอกร้าวไปถึงกราม ขากรรไกร คอ แขน ไหล่ หลัง รู้สึกเจ็บหน้าอกร่วมกับมีเหงื่อออก ตัวเย็น และใจสั่น รู้สึกเจ็บหน้าอกต่อเนื่องกันเกินกว่า 20 นาที

2.        รู้สึกเหนื่อยง่าย

3.        ความสามารถในการออกกำลังกายน้อยลง

4.        หัวใจเต้นเร็วและรัวกะทันหัน

5.        มีอาการใจสั่น

6.        รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

7.        มีอาการขาบวมบริเวณหน้าแข้งหรือบริเวณปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง ถ้าใช้มือกดลงไปจะบุ๋มและไม่คืนตัว

8.        วูบ หรือหน้ามืด เป็นลมหมดสติ

9.        ไม่สามารถนอนราบได้ นอนตอนกลางคืนแล้วต้องตื่นมานั่งหอบ

10.     มีอาการแน่นท้อง

             

6 ประเภทของโรคหัวใจ

โรคหัวใจสามารถแบ่งย่อยออกได้ทั้งหมด 6 ชนิด ตามลักษณะและสาเหตุของอาการ คือ

1.        โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

พบบ่อยในผู้ใหญ่ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่ อายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่จัด ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และการไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้มีการตีบตันในหลอดเลือด เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้

อาการ

เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก รู้สึกอึดอัดเหมือนมีสิ่งกดทับ อาจมีอาการปวดร้าวไปกราม ไหล่ หรือแขนซ้าย มักจะมีอาการเมื่อออกกำลังกาย หรือหากอาการรุนแรงก็จะมีอาการเมื่ออยู่เฉย ๆ ได้แก่ รู้สึกเพลีย เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้ วูบ หมดสติ อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวและมีโอกาสเสียชีวิตสูง

 

2.        โรคหัวใจที่เกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หมายถึง ภาวะหัวใจเต้นเร็ว หรือช้ากว่าปกติ เนื่องจากความผิดปกติของการกำเนิดกระแสไฟฟ้าหัวใจ การนำไฟฟ้าหัวใจ หรือทั้ง 2 อย่างร่วมกัน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจเกิดจากโรคหัวใจหลายชนิด เช่น ลิ้นหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หรือหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น การส่งกระแสลัดวงจร มีแผลเป็นหรือก้อนไขมัน ทำให้หัวใจมีจุดที่สร้างกระแสไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ

อาการ 

หัวใจอาจเต้นเร็วหรือช้ากว่าผิดปกติ ใจสั่น เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก เวียนศีรษะ หรือคล้ายจะเป็นลม แต่หากหัวใจยังบีบตัวได้เป็นปกติก็จะมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายได้น้อย

 

3.        โรคหัวใจที่เกิดจากหัวใจพิการแต่กำเนิด

เกิดขึ้นจากความผิดปกติของการเจริญเติบโตของหัวใจขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ โรคหัวใจพิการที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการมีรูโหว่ที่ผนังกั้นห้องหัวใจ ลิ้นหัวใจตีบตันหรือรั่ว หลอดเลือดออกผิดจากตำแหน่งปกติ เป็นต้น

อาการ 

จะแสดงอาการได้ทันทีหลังคลอด ทารกจะมีอาการเหนื่อยในขณะที่มารดาให้นม ทำให้น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น ผิวจะมีสีซีดเทา เขียว มีอาการบวมที่ขา หน้าท้อง หรือบริเวณรอบดวงตา ถึงแม้จะเป็นอาการที่มีมาแต่กำเนิดแต่ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตในทันที

 

4.        โรคหัวใจที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ

ในระยะแรกที่เป็นผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการ แต่เมื่ออาการเริ่มรุนแรงขึ้นจะเริ่มแสดงอาการ

อาการ 

เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม มักมีอาการมากขึ้นเมื่อต้องออกแรงหนัก ๆ บวมตามแขน ขา นอนราบไม่ได้ และตื่นขึ้นมาไอในเวลากลางคืน

 

5.        โรคหัวใจที่เกิดจากการติดเชื้อ

เยื่อบุหัวใจอักเสบ คือการติดเชื้อที่มีผลต่อเยื่อบุด้านในของห้องหัวใจและลิ้นหัวใจ (Endocardium)

อาการ 

เป็นไข้เรื้อรัง อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจหอบเหนื่อย ไอเรื้อรังแห้ง ๆ ขาหรือช่องท้องบวม รวมถึงมีผื่นหรือจุดขึ้นตามผิวหนัง

 

6.        โรคหัวใจที่เกิดจากลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว

ลิ้นหัวใจทำหน้าที่เปิดและปิดเพื่อให้เลือดไหลผ่านหัวใจในทิศทางเดียว ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจทำให้ลิ้นหัวใจผิดปกติได้ 

อาการ 

หากมีความผิดปกติของลิ้นหัวใจมาก จะมีอาการเหนื่อยง่าย และเกิดภาวะหัวใจวายหรือน้ำท่วมปอดได้     

 

 

การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจ

เมื่อเริ่มสังเกตเห็นอาการเจ็บหน้าอกผิดปกติ หายใจถี่ รู้สึกเหนื่อยง่าย และหมดสติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้

·       แพทย์จะตรวจร่างกาย สอบถามประวัติคนไข้และประวัติในครอบครัวเพื่อสืบหาปัจจัยความเสี่ยงทั้งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยทางพันธุกรรม

·       หลังจากนั้นจะตรวจร่างกายด้วยการทดสอบพิเศษต่าง ๆ เช่น

o   การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG)

เป็นการตรวจทดสอบที่รวดเร็วและไม่เจ็บปวด

o   เครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง หรือ Ambulatory ECG Monitoring หรือ Holter ECG

เป็นการตรวจสอบ โดยใช้เพื่อตรวจจับปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่พบในระหว่างการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ

o   การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือ Echocardiogram

เป็นการทดสอบแบบใช้คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ เพื่อสร้างภาพและตรวจวัดโครงสร้างหัวใจโดยละเอียด ขนาดของหัวใจการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจลิ้นหัวใจผนังกั้นและผนังหุ้มหัวใจ

o   Stress Test

เป็นการทดสอบการเพิ่มอัตราการเต้นและบีบตัวของหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หรือยา และวัดการตอบสนองทั้งชีพจรความดันโลหิตความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจและบางรายวัดความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจโดยการตรวจ Echocardiogram (Stress Echocardiogram) ช่วยในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางครั้งประเมินหลอดเลือดและสมรรถภาพการบีบตัวของกล้ามเนื้อที่ผนังหัวใจ

o   การสวนหัวใจ

เป็นการใส่ท่อสั้น ๆ เข้าไปในหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดงบริเวณขาหรือแขน เพื่อตรวจวัดภายในห้องหัวใจโดยตรงหรือการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ หรือผนังกั้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

o   การสแกนเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หัวใจ หรือ CT SCAN

เป็นการทดสอบแบบใช้เอกซเรย์เพื่อสร้างภาพโครงสร้างโดยละเอียด เพื่อวัดคะแนนหินปูนของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Score) และหากฉีดสารทึบรังสีด้วย จะได้ภาพของหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดแดงใหญ่ หลอดเลือดปอด เพื่อวินิจฉัยโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ผนังหัวใจ

 

โรคหัวใจป้องกันได้แค่ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

              แม้โอกาสเกิดโรคหัวใจจะสามารถมาจากปัจจัยทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะสามารถช่วยชะลอหรือลดโอกาสเกิดโรคได้ การใช้ชีวิตให้ห่างไกลจากโรคหัวใจมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย

                  1. ลดหรืองดการสูบบุหรี่

ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการหัวใจวายได้ถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่สูบบุหรี่ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่เป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มความดันโลหิตให้สูงขึ้น คาร์บอนมอนนอกไซด์ในควันบุหรี่จะเกาะติดกับฮีโมโกลบินในเลือดได้ง่ายกว่าออกซิเจน ดังนั้นหัวใจอาจจะไม่ได้รับออกซิเจนพอกับความต้องการ นอกจากนี้สารเคมีเหล่านี้ก็อาจจะทำความเสียหายให้กับผนังหลอดเลือดด้วย

 

                  2. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

หมั่นรับประทานอาหารจำพวกผักผลไม้หรือธัญพืชเป็นประจำ เพราะอาหารประเภทนี้มีไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุมาก แคลอรีต่ำ ช่วยควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังควรลดอาหารที่มีไขมันสูง เพราะจะทำให้ไขมันเข้าไปเกาะในหลอดเลือดมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรือเผ็ดจัด

 

                  3. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการสูบฉีดเลือดของหัวใจ

                  4. ทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียด

              5. พักผ่อนให้เพียงพอ

               

ชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่โดยเฉพาะชาวออฟฟิศส่งผลให้เกิดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมากมาย รวมไปถึงโรคหัวใจด้วย เพราะพฤติกรรมในการบริโภคอาหารและโอกาสในการขยับเขยื้อนร่างกายที่มีลดลง ดังนั้นเมื่อรู้จักและเข้าใจโรคหัวใจแล้วลองลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้เราห่างไกลจากโรคร้ายกันเถอะ สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต สามารถดูรายละเอียดการบริการด้านสุขภาพ (KTAXA Health) เพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/HealthServices

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       โรงพยาบาลเมดพาร์ค

http://bitly.ws/DRHi

·       โรงพยาบาลศิครินทร์

http://bitly.ws/DRJB

·       โรงพยาบาลสมิติเวช

http://bitly.ws/DRJz

·       โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ

http://bitly.ws/DRJ4

http://bitly.ws/DRJa

·       โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

http://bitly.ws/DRJu

·       โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์

http://bitly.ws/DRJq

·       โรงพยาบาลศิริราช

http://bitly.ws/DRJn

·       โรงพยาบาลเปาโล

http://bitly.ws/DRJg

·       กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข

http://bitly.ws/EUqk

·       Louisiana Heart and vascular institute

http://bitly.ws/EUqi

บทความสุขภาพที่สำคัญ