หลายครั้งที่เราเห็นตัวละครในภาพยนตร์ล้มป่วยด้วยโรคลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทำให้เราคุ้นเคยกับโรคนี้เป็นอย่างดี แต่นอกจากในละครแล้วโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวยังเป็นโรคที่สามารถพบได้บ่อยในประเทศไทยและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย หากเรารู้ตัวก่อนก็จะสามารถรักษาอาการให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมาเข้าใจโรคนี้กันมากยิ่งขึ้น
มารู้จักกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือโรคลูคีเมีย (Leukemia) เป็นโรคมะเร็งเลือดชนิดหนึ่ง่ที่เกิดจากการที่มีเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนเพิ่มจำนวนมากผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ จนเข้าไปรบกวนระบบการสร้างเม็ดเลือดปกติชนิดอื่น ๆ ของไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดมีจำนวนน้อยลง และเม็ดเลือดขาวที่มีจำนวนมากเกินความจำเป็นก็จะล้นเข้าไปในกระแสเลือดและอาจแทรกซึมเข้าไปตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ม้าม สมอง ต่อมน้ำเหลือง เป็นสาเหตุให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ผิดปกติ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งแบบเฉียบพลัน และค่อยเป็นค่อยไป
โดยปกติแล้วหน้าที่สำคัญของเม็ดเลือดขาว คือ การสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง คอยต่อสู้และป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ที่หลุดรอดเข้ามาในร่างกาย ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงป้องกันการเกิดเซลล์ที่ผิดปกติ แหล่งผลิตเม็ดเลือดขาวจะอยู่ที่ไขกระดูก แต่บางชนิดก็ผลิตมาจากต่อมน้ำเหลือง ต่อมไทมัส และม้าม เมื่อเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวขึ้น เซลล์มะเร็งนี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายผ่านระบบเลือดและระบบน้ำเหลืองนั่นเอง
ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
มะเร็งเม็ดเลือดแบ่งตามลักษณะการเกิดได้ 2 แบบ ได้แก่
· มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute Leukemia) คือ ชนิดที่เกิดจากเซลล์ตัวอ่อน (Blast Cell) ที่แบ่งตัวและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและแสดงอาการอย่างชัดเจน ลุกลามเร็ว จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อเซลล์ไขกระดูกสามารถสร้างเซลล์ปกติได้น้อยลงอย่างมาก โดยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันสามารถแบ่งย่อยออกได้ตามชนิดเซลล์ที่ผิดปกติอีก 2 ชนิด คือ
o มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอิลอยด์ (Acute Myelogenous Leukemia: AML) เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดโดยเฉพาะในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ หากพบโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดนี้ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่จะพบในช่วงอายุ 4 สัปดาห์แรกหลังคลอด
o มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมโฟไซติก (Acute Lymphocytic Leukemia: ALL) เป็นชนิดที่พบได้มากในกลุ่มผู้ป่วยเด็กอายุ 2 – 5 ปี แต่ก็มีโอกาสพบในกลุ่มผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โดยเซลล์มะเร็งจะเติบโตอย่างรวดเร็วในเลือด หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมก็จะมีโอกาสหายขาดได้สูงมาก
· มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic leukemia) เกิดจาการที่เซลล์เม็ดเลือดขาวถูกผลิตออกมามากเกินไป ทำให้ผู้ป่วยจะมีจำนวนเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติ ผู้ป่วยอาจจะไม่มีอาการแสดงออกมาเลย เพราะความผิดปกติเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป สามารถตรวจพบได้ผ่านการตรวจเลือด ในระยะสุดท้ายของโรคมีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นชนิดเฉียบพลันสูง และมักเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับชนิดเฉียบพลัน มะเร็งเลือดขาวชนิดเรื้อรังก็สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อยตามชนิดเซลล์ที่ผิดปกติ คือ
o มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดไมอิลอยด์ (Chronic Myelogenous Leukemia: CML) มักจะเกิดกับผู้ใหญ่ จะมีอาการแสดงออกพียงเล็กน้อยถึงไม่มีเลยเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
o มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดลิมโฟไซติก (Chronic Lymphocytic Leukemia: CLL) ส่วนใหญ่จะพบในกลุ่มผู้สูงอายุ โอกาสพบจะสูงขึ้นตามอายุ ผู้ป่วยมักจะไม่แสดงอาการ แต่มักจะมาบังเอิญตรวจเจอจากการตรวจเลือด
ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะมีอาการอย่างไร
อาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ชนิดและระยะของโรค แต่อาการโดยทั่วไปจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่อง รู้สึกใจสั่น วิงเวียนศีรษะ เป็นไข้และหนาวสั่น มีเหงื่อออกมาผิดปกติโดยเฉพาะเวลากลางคืน รู้สึกเบื่ออาหารหรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดหรือมีอาการกดเจ็บบริเวณกระดูก มีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมโตบริเวณคอหรือขาหนีบ โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ แต่มักจะไม่รู้สึกเจ็บ เลือดออกหรือเกิดรอยฟกช้ำง่าย มีเลือดจ้ำตามผิวหนัง รวมถึงมีอาการเลือดกำเดาไหลบ่อย สำหรับกลุ่มอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นตามชนิดของโรคมีดังนี้
· มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (ALL และ AML)
o อาการที่เกิดจากไขกระดูกทำงานผิดปกติ ไขกระดูกเป็นส่วนที่มีหน้าที่ในการสร้างเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด เมื่อเซลล์มะเร็งไปขัดขวางทำให้ผลิตเม็ดเลือดและเกล็ดเลือดต่ำลง เมื่อเม็ดเลือดแดงต่ำผู้ป่วยจะตัวซีด รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้ามืด เวียนศีรษะ และหัวใจเต้นเร็ว ในบางรายอาจเกิดการหอบเหนื่อยและหัวใจวายได้ อีกทั้งยังมีรอยเขียวจ้ำตามตัว หรือมีเลือดออกผิดปกติจากการมีเกล็ดเลือดในเลือดต่ำ รวมถึงติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากมีปริมาณเม็ดเลือดขาวในเลือดต่ำนั่นเอง
o อาการที่เกิดจากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวไปสะสมในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น
§ ต่อมน้ำเหลือง – ผู้ป่วยจะมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต เกิดก้อนบวมบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ
§ สมอง - ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ตากลัวแสง คอแข็ง ชักกระตุก เป็นต้น
§ ปอด - มีอาการคล้ายปอดติดเชื้อ เช่น ไอ เป็นไข้ และหอบเหนื่อย
§ ไต – มีขนาดใหญ่ขึ้นและส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงานของไต
§ ผิวหนัง – พบก้อนเนื้อที่ผิวหนังหลายจุดและมีขนาดแตกต่างกันออกไป จะเป็นก้อนเนื้อที่ไม่มีสีหรือมีสีม่วงเล็กน้อย
· มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (CML) สามารถแบ่งอาการออกเป็น 3 ระยะ
o ระยะเรื้อรัง (Chronic phase) – เป็นระยะที่ผู้ป่วยมีเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก และอยู่ปะปนกับเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติ ไขกระดูกจะยังคงทำงานได้เกือบปกติ ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน หรือรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ ผู้ป่วยจะอยู่ในระยะนี้ 3 – 5 ปีขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษา
o ระยะระหว่างกลาง (Accelerated phase) – ระยะนี้ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการรุนแรงมากขึ้น สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเฉียบพลันและค่อย ๆ แสดงอาการ เซลล์มะเร็งจะเริ่มเปลี่ยนจากขนาดเท่าเซลล์เม็ดเลือดขาวปกติไปใกล้เคียงกับเซลล์ตัวอ่อน ทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดทั้งเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดต่ำ ผู้ป่วยจะอยู่ในระยะนี้ประมาณ 1 – 1.5 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษาเช่นกัน
o ระยะรุนแรง (Blastic phase) - ระยะนี้เซลล์มะเร็งจะกลายเป็นเซลล์ตัวอ่อนเกือบทั้งหมด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิด AML คือ มีอาการโลหิตจาง เกล็ดเลือดต่ำ มีเม็ดเลือดขาวตัวอ่อนจำนวนมากทั้งในเลือดและในไขกระดูก และเมื่อมีมากขึ้นจนไปอุดหลอดเลือดในเนื้อเยื่ออวัยวะอื่น ๆ ก็จะทำให้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะเหล่านั้นสูญเสียการทำงาน ผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตภายใน 3 – 6 เดือน แม้ว่าจะได้รับการรักษาก็ตาม
การวินิจฉัยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
การตรวจคัดกรองมะเร็งเม็ดเลือดขาว สามารถทำได้ 4 วิธีดังนี้
· การตรวจเลือด – เป็นการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อไปตรวจระดับเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่
· การตรวจไขกระดูก – โดยแพทย์จะฉีดยาชาและเก็บตัวอย่างไขกระดูกบริเวณสะโพกไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อหาเซลล์มะเร็ง หากพบก็จะตรวจเพิ่มเพื่อระบุชนิดของโรคเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
· การตรวจภาพถ่ายรังสี – เพื่อดูความผิดปกติของต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะภายในที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็ง และเพื่อประเมินระยะอาการของโรค
· การเจาะและเก็บตัวอย่างน้ำไขสันหลัง - เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งที่แพร่เข้าไปในเยื่อหุ้มหรือพื้นที่รอบ ๆ สมองและไขสันหลัง
4 วิธีการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
· เคมีบำบัด - การใช้ยาฆ่าเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวซึ่งมีทั้งแบบรับประทานและแบบฉีด แพทย์อาจแนะนำชนิดใดชนิดหนึ่งหรือทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นคือ ผมร่วง คลื่นไส้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ฟกช้ำ รังไข่หรืออัณฑะเสียหายจนอาจทำให้มีบุตรยากในภายหลัง
· ภูมิคุ้มกันบำบัด - เป็นการฉีดสารบางอย่างเข้าไปในร่างกายเพื่อกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายรับรู้ว่าเซลล์มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอมและเข้าทำลายเซลล์เหล่านั้นเอง ผลข้างเคียงของวิธีนี้ คือ อาจเกิดการบวมหรือผื่นขึ้น ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกอ่อนเพลีย เป็นต้น
· รังสีบำบัด - ใช้รังสีเอกซเรย์หรือลำแสงพลังงานสูงชนิดอื่น ๆ ยิงเข้าไปทำลายและหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว
· ปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ – เป็นการปลูกถ่ายไขกระดูกที่มีสุขภาพดีแทนไขกระดูกที่มีเซลล์มะเร็ง แพทย์จะใช้การทำเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดทำลายไขกระดูกที่มีเซลล์มะเร็งเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงให้สเต็มเซลล์เลือดที่จะช่วยสร้างไขกระดูกใหม่ขึ้นมาใหม่
แนวทางการป้องกันมะเร็งเม็ดเลือดขาว
แม้จะยังไม่มีวิธีการป้องกันมะเร็งชนิดนี้ได้อย่าง 100% แต่ก็มีแนวทางเพื่อลดโอกาสเกิดโรคได้ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่มีพิษ เช่น เบนซิน สารฟอร์มาลดีไฮด์ สารกัมมันตรังสีชนิดต่าง ๆ รวมถึงควันบุหรี่และการสูบบุหรี่ ลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารที่มีการปรุงแต่งมากเกินไป รวมถึงรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ และถ้าหากพบอาการผิดปกติที่เข้าข่ายอาการของโรคควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและคำแนะนำที่ถูกต้อง
ถึงแม้มะเร็งเม็ดเลือดขาวจะเป็นโรคที่พบเห็นได้บ่อยตามหน้าจอโทรทัศน์แต่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี ถ้าโรคนี้เกิดขึ้นกับตัวคุณหรือคนใกล้ตัว หมั่นดูแลรักษาสุขภาพ และหากพบอาการผิดปกติควรเข้าพบแพทย์ทันทีเพื่อโอกาสในการกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories
แหล่งที่มาของข้อมูล
· คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=323
· โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/leukemia
· โรงพยาบาล MedPark
https://www.medparkhospital.com/content/leukemia
· โรงพยาบาลศิครินทร์
http://bit.ly/3leYCNa
· เว็บไซต์พบแพทย์
http://bit.ly/3I2kkx7
· เว็บไซต์ MedThai
http://bit.ly/3DJLDtz
· โรงพยาบาลราชวิถี
https://www.rajavithi.go.th/rj/?p=4013
· โรงพยาบาลสินแพทย์
http://bit.ly/3lbXTwq
