ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
13 สิงหาคม 2566

โรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันได้เพียงแค่เติมวิตามินซี

แต่ละวัน คนเราต้องแปรงฟันเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือในตอนเช้าและก่อนนอน แต่อาจมีบางครั้งที่เราแปรงฟันแล้วมีเลือดปนออกมาด้วย เราอาจจะสงสัยว่าเราแปรงแรงไปหรือเปล่า แต่บางทีเราก็แปรงเบา ๆ แต่ว่าเลือดก็ยังออกอยู่  ซึ่งการที่เลือดออกตามไรฟัน อาจจะเป็นได้หลายอย่าง เช่น เหงือกอักเสบ โรคเหงือก ลักปิดลักเปิด ใช้ไหมขัดฟันไม่ถูกวิธี เครื่องมือจัดฟันรัดแน่นเกินไป หรืออาจเป็นอาการแสดงของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งโรคลักปิดลักเปิดเป็นอีกหนึ่งโรคที่ทุกคนละเลย วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคนี้กัน

 

เลือดออกตามไรฟันหรือโรคลักปิดลักเปิดคืออะไร​

โรคเลือดออกตามไรฟัน หรือ โรคลักปิดลักเปิด (Scurvy) เป็นโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินซี ซึ่งจำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจนในร่างกายของเรา โดยอาการแรกเริ่มของโรคนี้จะปรากฏหลังจากการขาดวิตามินซีรุนแรงอย่างน้อย 4 สัปดาห์ แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า เลือดออกตามไรฟัน อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่

·       มีการก่อตัวของหินปูน ที่ทำให้เหงือกอักเสบ จนเหงือกบวมและทำให้เลือดออกตามไรฟัน

·       มีการใช้ยารักษากลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน แอสไพริน เฮพาริน

·       มีภาวะเลือดออกผิดปกติ ขาดเกล็ดเลือดหรือขาดโปรตีนที่ช่วยทำให้เลือดแข็งตัว เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia)

·       ขาดสารอาหารจำพวกวิตามินซี และวิตามินเค โดยเฉพาะการขาดวิตามินซี อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิด

·       มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในช่วงที่ตั้งครรภ์

 

โรคลักปิดลักเปิดรักษาได้อย่างไร

แม้ว่าโรคลักปิดลักเปิดเป็นโรคที่ดูน่ากลัว แต่การรักษากลับไม่ยาก ซึ่งผู้ที่มีอาการนี้สามารถรักษาได้จากการจัดสรรปริมาณการบริโภควิตามินให้เพียงพอ โดยการรับประทานผักหรือผลไม้ เช่น วิตามินซี และ วิตามินเค เช่น ส้ม น้ำส้ม และผลไม้ในตระกูลส้ม เบอร์รี มะเขือเทศ พริกหวาน บล็อคโคลี่ หรือรับประทานอาหารเสริมวิตามิน แหล่งวิตามินเค เช่น ผักคะน้า ผักกาด ผักกาดเขียวปลี ผักโขม ผักสลัดน้ำ ถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก หรือรับประทานอาหารเสริมวิตามิน ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

 

โดยปริมาณวิตามินซีที่เหมาะสมในการรักษาโรคลักปิดลักเปิดสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 800-1000 มิลลิกรัม/วัน และได้รับเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าอาการจะดีขึ้น สำหรับเด็กนั้นปริมาณที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 150-300 มิลลิกรัม/วัน เป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับวิตามินซี อาการเลือดออกตามไรฟันหรืออาการต่าง ๆ ดีขึ้นภายใน 1 วัน ส่วนอาการอื่น ๆ มักดีขึ้นภายใน 2 วัน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายดีภายใน 2 สัปดาห์

 

ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดได้เพียงแค่เติมวิตามินซี

โรคลักปิดลักเปิดสามารถป้องกันได้โดยการรับประทานวิตามินซีให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ โดยปริมาณวิตามินซีที่ควรบริโภคต่อวันโดยประมาณ มีดังนี้

 

·       อายุ 1-10 ปี ปริมาณ 30 มิลลิกรัม/วัน

·       อายุ 11-14 ปี ปริมาณ 35 มิลลิกรัม/วัน

·       อายุ 15 ปีขึ้นไป ปริมาณ 40 มิลลิกรัม/วัน

 

 

เราจำเป็นที่จะต้องทานวิตามินซีเสริมหรือไม่

บางคนอาจสงสัยว่า เราจำเป็นต้องทานวิตามินในรูปแบบอาหารเสริมเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งถ้าเราบริโภควิตามินซีที่เพียงพอกับปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน การกินผักผลไม้ 400 กรัม ช่วยให้เราได้รับวิตามินซีที่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ควรรับประทานวิตามินซีมากเกินไป เนื่องจากเมื่อเรารับวิตามินซีในปริมาณที่มากขึ้น ร้อยละการดูดซึมจะลดลง และที่สำคัญเราไม่ควรรับประทานวิตามินซีเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น รู้สึกปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ เป็นต้น

 

ทั้งนี้ ปริมาณวิตามินที่ควรบริโภคต่อวันสำหรับแต่ละบุคคลอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย อย่างเพศหรือบุคคลที่ออกกำลังกาย หรือคนที่ต้องการเป็นพิเศษ หรือ ภาวะต่าง ๆ โดยก็ต้องคำนึงถึงปริมาตรที่เหมาะสมด้วย แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าต้องการเท่าไหร่ เราสามารถปรึกษาแพทย์ได้ เกี่ยวกับปริมาณวิตามินที่ควรได้รับต่อวัน

 

จะเห็นได้ว่าการป้องกันโรคลักปิดลักเปิดไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าหากเรารับประทานผักผลไม้หรืออาหารที่มีวิตามินซีเป็นประจำ ซึ่งผลไม้นอกจากที่มีประโยชน์แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ด้วย และไม่ต้องเสี่ยงกับการเป็นโรคลักปิดลักเปิดหรือขาดวิตามินด้วย สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต ที่สนใจในการดูแลสุขภาพสามารถอ่านบทความด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-advisories

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.

https://bit.ly/3FIy7r0

·       โรงพยาบาลเวชธานี
http://bit.ly/3Z72o9C

·       Chulalongkornhospital
http://bit.ly/3Z1CfJj

·       Pobpad
http://bit.ly/3JyrJnq
http://bit.ly/4070h7g

 

 

 

 

บทความสุขภาพที่สำคัญ