ในปัจจุบันคนไทยหลายคนอาจมีความคิดวางแผนเงินเกษียณอายุกันน้อยลง หรือบางคนที่เกษียณอายุแล้วกลับพบว่ามีเงินไม่เพียงพอใช้ตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจที่มีความผันผวนจนทำให้คนที่วางแผนเกษียณอายุต้องเผชิญกับความเสี่ยงเรื่องเงินไม่เพียงพอในระยะยาวมากขึ้น วันนี้เราจึงจะชวนไปรู้จัก Bucket Strategy หรือ วิธีการแบ่งเงินออกเป็น 3 ถังตามความเสี่ยงและช่วงเวลา พร้อมพาสร้างความอุ่นใจให้ครอบครัวด้วย “ประกันเกษียณอายุ” ไปพร้อมกัน
Bucket Strategy คืออะไร
Bucket Strategy คือ แนวคิดการบริหารเงินที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เกษียณอายุจัดการรายได้และค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งเงินออกเป็น 3 ถังตามความเสี่ยงและช่วงเวลา ได้แก่ ถังสภาพคล่อง (ใช้จ่ายในระยะสั้น) ถังเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง (สำหรับค่าใช้จ่ายระยะกลาง) และถังเสี่ยงสูง (เพื่อการลงทุนระยะยาว) วิธีนี้ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะหมดเงินก่อนหรือขาดสภาพคล่องเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อีกทั้งยังช่วยให้เงินก้อนใหญ่เติบโตในระยะยาวอย่างมีแบบแผน
ข้อดีของ Bucket Strategy
การวางแผนการเงินเพื่อเกษียณอายุด้วย Bucket Strategy เป็นแนวทางที่ช่วยจัดการเงินอย่างดี ซึ่งข้อดีของกลยุทธ์นี้ไม่ได้อยู่แค่ในความชัดเจนของการวางแผน แต่ยังรวมถึงความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสภาวะตลาดหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
● ลดความกังวลเรื่องความผันผวนของตลาด หนึ่งในจุดเด่นของ Bucket Strategy คือการช่วยลดความกังวลเมื่อเกิดความผันผวนของตลาด เพราะเรามีเงินในถังระยะสั้นที่พร้อมใช้ในช่วงเวลาที่ตลาดการลงทุนไม่ดี เช่น หากตลาดหุ้นเกิดการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เราสามารถถอนเงินจากถังระยะสั้นที่เป็นเงินสดหรือสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำมาใช้แทนการขายสินทรัพย์ในช่วงราคาตกต่ำ วิธีนี้ช่วยลดแรงกดดันทางการเงินและทำให้การวางแผนเกษียณดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดทุนจากการลงทุน การมีเงินสำรองในถังระยะสั้นยังช่วยสร้างความมั่นใจว่าเรามีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายประจำโดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดที่อาจไม่แน่นอน
● วางแผนได้ง่ายและชัดเจน อีกหนึ่งข้อดีของ Bucket Strategy คือความง่ายในการวางแผนการเงิน เพราะการแบ่งเงินออกเป็นถังในแต่ละช่วงทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายทางการเงินได้ชัดเจนมากขึ้น ถังระยะสั้นเน้นการเก็บเงินสดไว้ใช้ในค่าใช้จ่ายประจำ ถังระยะกลางจัดสรรสำหรับเป้าหมายในอีก 5-10 ปีข้างหน้า การจัดการแบบนี้ช่วยให้เรามีแนวทางการใช้เงินที่เป็นระบบ ทำให้การบริหารการเงินในระยะยาวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
● ปรับตามสภาวะตลาด กลยุทธ์การแบ่งถังยังช่วยให้เราปรับตัวได้ตามสภาวะตลาดอย่างยืดหยุ่น เช่น หากตลาดการลงทุนอยู่ในช่วงขาขึ้น เราอาจเลือกที่จะขายสินทรัพย์ในถังระยะยาวเพื่อทำกำไรและนำเงินมาเติมในถังระยะสั้นหรือระยะกลางเพื่อสร้างความมั่นคง หากเกิดภาวะตลาดที่ดี การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสามารถช่วยให้แผนการเกษียณอายุของเราเติบโตได้มากขึ้น การปรับตัวตามสถานการณ์นี้ทำให้เราสามารถสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตของเงินทุนและการลดความเสี่ยง
Bucket Strategy การแบ่งเงิน 3 ถัง
Bucket Strategy หรือ การแบ่งเงิน 3 ถัง สามารถช่วยให้เราวางแผนการใช้จ่ายได้ครอบคลุมทุกช่วงเวลา และปรับเปลี่ยนได้ตามความเสี่ยง โดยแต่ละถังมีหลักการออมเงิน ดังนี้
ถัง 1 : ถังสภาพคล่อง
ถังแรกใน Bucket Strategy คือ ถังสภาพคล่อง ซึ่งเป็นเงินสำหรับการใช้จ่ายในระยะสั้นหรือยามฉุกเฉิน ถังนี้ควรมีเงินพร้อมใช้งานอย่างน้อย 12 เดือน เพื่อให้สามารถรองรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องขายสินทรัพย์ในถังอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงสูงถ้ามีความจำเป็นต้องใช้เงินทันที การมีเงินสดหรือบัญชีออมทรัพย์ไว้ในถังนี้ ช่วยให้การใช้ชีวิตในระยะสั้นเป็นไปอย่างราบรื่น และยังสามารถจัดการค่าใช้จ่ายฉุกเฉินได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด สินทรัพย์ที่เหมาะสมสำหรับถังนี้ ได้แก่ เงินสด เงินฝากออมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงิน ที่มีสภาพคล่องสูงและความเสี่ยงต่ำ
ถัง 2 : ถังเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง
ถังที่สองเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง ซึ่งมีระยะเวลาในการลงทุนประมาณ 3-5 ปี จุดประสงค์หลักของถังนี้คือการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมั่นคงและมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น เงินฝากประจำ พันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนตราสารหนี้ โดยสินทรัพย์เหล่านี้มีโอกาสสร้างรายได้ในระยะยาว แต่ยังคงความมั่นคงและไม่เสี่ยงมากเกินไป การลงทุนในถังนี้จะช่วยเสริมความมั่นคงทางการเงินและสามารถใช้เป็นแหล่งเติมเงินให้กับถังสภาพคล่องในระยะยาว
ถัง 3 : ถังเสี่ยงสูง
ถังที่สามจะเป็นถังที่สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ ซึ่งเหมาะสำหรับระยะยาวตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จุดประสงค์ของถังนี้คือการสร้างผลตอบแทนสูงโดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง กองทุนรวมหุ้น หรือสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต เช่น เทคโนโลยีใหม่ ๆ การลงทุนในถังนี้มีความเสี่ยงที่สูง แต่มีผลตอบแทนที่สามารถเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ควรหมั่นติดตามพอร์ตการลงทุนและปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าผลตอบแทนยังคงเป็นไปตามเป้าหมายและลดความเสี่ยงในระยะยาว
ประกันเกษียณอายุ ความเสี่ยงน้อย ตัวช่วยสร้างความอุ่นใจให้ครอบครัว
จากกลยุทธ์การแบ่งเงินออกเป็น 3 ถังจะเห็นได้ว่าถ้าเราอยากได้ผลตอบแทนมากขึ้นเราอาจจะต้องลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ที่อาจมีความเสี่ยงสูง แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกหนึ่งวิธีที่เราสามารถลงทุนได้ยาว ๆ ไปจนวัยเกษียณอายุ มีความเสี่ยงต่ำ ได้ผลตอบแทนแน่นอน ด้วยการทำประกันเกษียณอายุควบคู่ไปกับ Bucket Strategy ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน และสร้างผลตอบแทนในระยะยาว นอกจากนี้ ประกันเกษียณอายุยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความอุ่นใจในอนาคต หากเกิดเหตุไม่คาดฝันผู้เอาประกันสามารถมั่นใจได้ว่าครอบครัวจะมีคนดูแลอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Bucket Strategy เป็นการวางแผนการเงินที่สามารถช่วยให้ผู้เกษียณมีการเงินที่มั่นคงและมีสภาพคล่องในการใช้จ่ายได้ แต่เราควรมีการตรวจสอบและปรับแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ ให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และตอบโจทย์ต่อความจำเป็นที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้การเกษียณเป็นไปอย่างราบรื่น