เมื่อพูดถึงโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง เมื่อก่อนเราคงกลัวว่าโรคนี้อาจไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ถูกพัฒนามากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่ดีมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่เมื่อลองมองอีกด้านหนึ่งจะพบว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ดี มีโอกาสทำให้เราหายหรือยืดเวลาให้เราได้ใช้ชีวิตนานขึ้นในตอนนี้ยังคงมีราคาสูงและคนทั่วไปเข้าถึงยาก โดยเฉพาะสภาวะเงินเฟ้อตอนนี้ที่ส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ สูงตามขึ้นไปด้วย วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาวางแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายโรคมะเร็งด้วย ‘ประกันโรคร้ายแรงกัน’ กัน
ก่อนที่เราจะไปวางแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายโรคมะเร็งด้วยประกันโรคร้ายแรงกันนั้น เราไปดูความร้ายแรงของการป่วยเป็นมะเร็ง ค่ารักษา และแนวทางการรักษาในปัจจุบันกันก่อน
สถิติการป่วยเป็นมะเร็ง
“มะเร็ง” เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด และสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล ซึ่งข้อมูลการเสียชีวิตของคนไทย ปี 2563 พบว่า อันดับหนึ่ง เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 36% แนวโน้มอัตราการเกิดโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคร่าชีวิตคนไทย 60,000 กว่าคนต่อปี โดยสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งมีทั้งปัจจัยภายในร่างกาย เช่น พันธุกรรม 5-10% และปัจจัยภายนอกร่างกายประมาณ 90-95% จากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารก่อมะเร็ง รวมไปถึงการได้รับสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศไทยเองก็กำลังเผชิญกับปัญหามลพิษจากสิ่งแวดล้อม ทำให้คนไทยทุกคนมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้มากขึ้นเช่นกัน
เราทราบกันเป็นอย่างดีว่าปกติแล้วโรคมะเร็งมีค่ารักษาที่สูงมากอยู่แล้ว แต่ความเลวร้ายมากไปกว่านั้นคือเงินเฟ้อทำให้ค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ทั่วไปมีอัตราสูงมากถึง 7-8% ต่อปี หรือหมายความว่า ภายในระยะเวลาประมาณ 8–10 ปี ค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการทางการแพทย์ต่าง ๆ อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า วงเงินค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับจากประกันกลุ่มหรือประกันสุขภาพเพียงทางเดียวจึงอาจจะไม่เพียงพอกับค่ารักษาพยาบาลที่ปรับสูงขึ้นอีกในอนาคต โดยเฉพาะถ้าเราเกิดเป็นมะเร็งขึ้นมาแล้วต้องการเข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก
โดยก่อนที่เราจะไปวางแผนรับมือกับค่าใช้จ่ายด้านโรคร้ายหรือโรคมะเร็งกันนั้น เราไปพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแนวทางการรักษามะเร็งปัจจุบันและโอกาสในการเข้าถึงการรักษามะเร็งของคนไทยในปัจจุบันกันก่อน
แนวทางการรักษามะเร็งปัจจุบัน
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาอย่างก้าวหน้า ทำให้มีแนวทางการรักษาโรคมะเร็งมากมาย จึงขอยกตัวอย่างมาให้ดูกัน ดังนี้
● การรักษาด้วยการศัลยกรรม เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การผ่าตัดทั่วไป การผ่าตัดส่องกล้อง การผ่าตัดโดยใช้ความเย็น การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ การผ่าตัดด้วยคลื่นวิทยุเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง การผ่าตัดโดยใช้ความร้อน และการรักษาด้วยแสง เป็นต้น
● การรักษาด้วยรังสีรักษา เป็นการใช้รังสีรักษาไปทำลายเซลล์มะเร็ง แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ External Beam หรือการฉายแสงหรือฉายรังสี โดยเป็นการรักษาจากภายนอกไปยังอวัยวะของร่างกายที่เป็นมะเร็ง และ Internal Radiation Therapy ทำได้โดยการฝังแร่ หรือกินยาที่เป็นสารกัมมันตรังสีเข้าไป แล้วแร่หรือยานี้จะปล่อยกัมมันตรังสีไปทำลายเซลล์มะเร็งที่อวัยวะเป้าหมาย
● การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือที่เรียกกันว่าการทำคีโม เป็นการใช้ยาเข้าไปหยุดหรือชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยมากการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดนี้ มักทำร่วมกับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น ยามุ่งเป้า หรือรังสีรักษา
นักวิจัยจุฬาฯ ได้พัฒนา "ยาแอนติบอดีภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็ง"
นอกจากแนวทางการรักษามะเร็งปัจจุบันแล้ว ยังมีวิธีรักษาด้วยยาแอนติบอดีภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เริ่มนำเอายาแอนติบอดีนี้มาใช้ร่วมกับวิธีการรักษาแบบเดิมๆ เพื่อรักษาโรคมะเร็ง แต่เนื่องจากยาแอนติบอดีมีราคาสูงหลักหมื่นบาท เกินกว่าที่ประชาชนทั่วไปจะเข้าถึงได้ นักวิจัยจุฬาฯ จึงมีเป้าหมายผลิตยานี้ขึ้นมาให้มีราคาถูกลงให้กับประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้
แม้ว่าทางนักวิจัยจุฬาฯ จะพยายามคิดค้นยาให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งในราคาที่ถูกลงแล้ว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมในทุกการรักษา สำหรับคนที่อยากเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด การวางแผนรับมือด้านการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ
วางแผนรับมือด้วยประกันโรคร้ายแรง
การวางแผนรับมือด้านการเงินทำได้หลายวิธี แต่อาจจะเป็นการรับมือแบบอ้อมๆ แต่การวางแผนการเงินเพื่อรับมือโรคร้ายด้วยประกันโรคร้ายแรงจะเป็นการวางแผนแบบตรงจุด ครอบคลุมค่ารักษาที่เกี่ยวกับโรคร้ายแรงให้เราอุ่นใจได้ โดยมีการวางแผนซื้อประกัน ดังนี้
● วงเงินการรักษา ควรกำหนดวงเงินคร่าว ๆ ไว้เพื่อเป็นการรองรับในการรักษาด้วย เช่น หากเป็นโรงพยาบาลของรัฐบาล มีค่าฉายรังสีมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะประมาณ 110,000 บาท แต่หากทำการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น 3–7 เท่า ดังนั้น การซื้อประกันโรคร้ายแรงจะเป็นส่วนที่ขยายวงเงินเดิมของสวัสดิการที่มีอยู่ ให้สามารถมีวงเงินการรักษาที่เพิ่มขึ้นและครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วย ซึ่งสามารถอัปเดตค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้ทุกปี พร้อมกับซื้อประกันสุขภาพเพิ่มได้
● เจอ จ่าย จบ เป็นประกันโรคร้ายแรงแบบมีสัญญาจ่ายผลประโยชน์เมื่อตรวจพบเจอโรคร้ายแรง โดยบางกรมธรรม์คุ้มครองทุกระยะของการตรวจพบ บางกรมธรรม์คุ้มครองเมื่อตรวจพบระยะลุกลาม ซึ่งจะจ่ายตามความคุ้มครอง จึงควรพิจารณาเรื่องระยะของความคุ้มครองของโรคก่อนตัดสินใจด้วย และเมื่อมีการจ่ายผลประโยชน์ตามความคุ้มครองแล้วสัญญาก็จะจบในปีกรมธรรม์นั้น