เศรษฐกิจที่ตกต่ำและค่าครองชีพที่สูงขึ้น อาจทำให้ใครหลายคนต้องรัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายกันอย่างจริงจัง หรืออาจจะมองหาวิธีการลดทอนค่าใช้จ่ายสำคัญๆ ให้เรายังสามารถจ่ายได้ไหว และยังพร้อมรับมือกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ วันนี้เราจึงจะขอพาทุกคนไปดูหนึ่งทางเลือกการวางแผนทางการเงินที่สามารถเป็นตัวช่วยในวันที่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นได้ด้วย ‘ประกันตลอดชีพ’ กัน

แต่ก่อนที่เราจะไปดูว่าประกันตลอดชีพสามารถเป็นตัวช่วยด้านการเงินให้เราได้อย่างไรบ้างนั้น เราขอพาทุกคนไปดูข้อมูลเศรษฐกิจและค่าครองชีพของไทยตอนนี้กันก่อน ว่าจะมีความน่ากังวลใจขนาดไหน เพื่อให้ทุกคนสามารถเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะตามมาได้กัน

เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำ

เศรษฐกิจไทยในปี 2567 นี้ มีหลายหน่วยงานได้มีการปรับตัวเลขการขยายตัวของ GDP ลงมาต่ำกว่า 3% อย่าง ‘สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ’ (สศช.) ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับ 2.7-3.7% หรือค่ากลางขยายตัวได้ประมาณ 3.2% เหลือขยายตัวเพียง 2.2 – 3.2% หรือค่ากลางขยายตัวได้ประมาณ 2.7%

ส่วน ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ (ธปท.) เองก็ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจาก 3.2% เหลือ 2.5 – 3% เท่านั้น ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจนี้ถือว่าต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะอยู่ระดับ 3 – 5% จึงสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยตอนนี้กำลังเติบโตต่ำนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่จะบ่งบอกว่าเศรษฐกิจเติบโตสูงและต่ำนั้น สามารถคำนวณได้จากปัจจัยต่างๆ ได้ดังนี้

GDP = C + I + G + (X – M)

●        C = Consumption คือ การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป

เป็นมูลค่าที่เกิดจากการจับจ่ายใช้สอยทั่วไปที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ซื้ออาหาร, ช้อปปิ้งสินค้า, ออกไปดูหนัง, ใช้บริการที่โรงพยาบาล, จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ เป็นต้น

●        I = Investment คือ การลงทุนของภาคเอกชน

มาจากการลงทุนต่างๆ ของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเครื่องจักร, ซื้อซอฟแวร์, ซื้อที่ดิน, ก่อสร้างอาคารสำนักงาน และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

●        G = Government Spending คือ การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ

เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาล ประกอบด้วยเงินเดือนของข้าราชการ และเงินลงทุนตามนโยบายต่างๆ เช่น สร้างถนน, สร้างรถไฟ หรือแม้กระทั่งการซื้ออาวุธทางทหาร

●        X-M = Net Export คือ มูลค่าการส่งออกสินค้าสุทธิ

คำนวณมาจากมูลค่าการส่งออกลบด้วยมูลค่าการนำเข้า ถ้าการส่งออกมากกว่า ก็จะส่งผลดีต่อตัวเลขการเติบโตของ GDP

ซึ่งจากสูตรคำนวณการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น จะเห็นได้ว่ามีปัจจัยที่เกี่ยวพันกับเรื่องการจับจ่ายใช้สอยทั่วไปที่เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งจะมากหรือน้อยนั้นส่วนหนึ่งมาจากค่าครองชีพด้วย

ค่าครองชีพไทยสูงเป็นอันดับ 5 ในอาเซียน

โดยดัชนีค่าครองชีพของไทยในช่วงต้นปี 2567 นี้อยู่ที่ร้อยละ 36.0 ซึ่งต่ำกว่าดัชนีเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่เท่ากับร้อยละ 100 จึงทำให้ค่าครองชีพไทยตอนนี้อยู่อันดับที่ 94 จาก 146 ประเทศทั่วโลก

ส่วนดัชนีค่าครองชีพของไทยในกลุ่มอาเซียน พบว่า ดัชนีค่าครองชีพของไทย สูงเป็นอันดับที่ 5 จาก 9 ประเทศที่ถูกจัดอันดับ โดยค่าครองชีพของไทยสูงกว่า ฟิลิปปินส์ (อยู่ที่ร้อยละ 33.6 อันดับ 104), เวียดนาม (อยู่ที่ร้อยละ 30.8 อันดับ 113), มาเลเซีย (อยู่ที่ร้อยละ 30.5 อันดับ 115) และอินโดนีเซีย (28.5 อันดับ 126)

ซึ่งจากข้อมูลจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยนั้นเติบโตต่ำ ส่วนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้หลายคนกังวลใจเริ่มหาวิธีรัดเข็มขัดค่าใช้จ่าย เพื่อป้องกันการขาดสภาพคล่องกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนที่กำลังจ่ายเบี้ยประกันอยู่และคนที่มองหาประกันให้ตัวเอง จึงเกิดความลังเลใจว่าเราจะสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจกันนั้นเราขอพาทุกคนไปดูความสำคัญของประกันเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจกันก่อน

ความสำคัญของประกัน

●        มีเงินก้อนหรือเงินสำรองเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในปัจจุบันมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ การทำประกันจะช่วยทำให้เรามีเงินสำรองมาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทั้งการเจ็บป่วยทั่วไปและโรคร้ายแรง รวมถึงกรณีประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียอวัยวะด้วย นอกจากนี้ หากเราเกิดการสูญเสียชีวิตครอบครัวของเราก็จะได้รับเงินก้อนเก็บไว้ใช้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ได้ตกลงไว้ได้อีกด้วย

●        คนที่มีรายได้ไม่แน่นอนอุ่นใจได้

เราไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือการเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ และจะร้ายแรงจนส่งผลกระทบด้านการเงินของเราขนาดไหน ยิ่งหากเรามีอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้า ที่วันไหนหยุดทำงานแล้วจะขาดรายได้ หรือมีรายได้แต่ละเดือนที่ไม่แน่นอน การทำประกันจะมีรูปแบบการจ่ายเงินชดเชยเมื่อเข้าโรงพยาบาลจนไม่สามารถทำงานได้ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ได้ตกลงไว้ ทำให้เราไม่ต้องกังวลใจว่าจะขาดรายได้เลย

●        คนที่ไม่มีสวัสดิการการรักษาพยาบาลหรือมีไม่เพียงพอไม่ต้องใช้เงินเก็บ

พนักงานบริษัทที่มีสวัสดิการประกันสังคมเพียงอย่างเดียว อาจจะได้การรักษาที่ไม่ครอบคลุมทุกรายการ หากต้องการตรวจด้านอื่นๆ หรือต้องการได้รับการรักษาที่ดีขึ้น การทำประกันที่ครอบคลุมหลายๆ ด้านจะทำให้เราสามารถเลือกการเข้ารับบริการได้ตามที่ต้องการตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ได้ตกลงไว้ได้ โดยที่เราไม่ต้องสำรองเงินจ่ายค่ารักษาออกไปก่อนเลย ทำให้ไม่ส่งผลกระทบกับสภาพคล่องของเราและไม่กระทบกับเงินเก็บของเราด้วย

ซึ่งจะเห็นได้ว่าประกันนั้นมีความสำคัญในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในอนาคตที่ไม่แน่นอนให้เราได้อย่างมาก หากจะยกเลิกประกันตอนนี้คงน่าเสียดาย และไม่รู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาเราจะมีเงินเพียงพอมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลตรงนี้หรือไม่ ดังนั้น สำหรับคนที่อยากประกันดีๆ สักตัว แต่ยังกังวลกับเบี้ยประกันและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน วันนี้เรามี ‘ประกันตลอดชีพ’ หนึ่งทางเลือกที่สามารถเป็นตัวช่วยในวันที่ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นได้มาให้ลองพิจารณากัน

ประกันตลอดชีพทางเลือกในวันที่ค่าใช้จ่ายสูง 

ประกันตลอดชีพ คือ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ เป็นแบบจ่ายเบี้ยประกันเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยผู้เอาประกันเลือกได้ว่าจะจ่ายเบี้ยประกันแบบไหน เช่น 10 ปี, 15 ปี หรือ 20 ปี หรือใช้อายุเป็นตัวกำหนดก็ได้ เช่น จ่ายเบี้ยจนถึงอายุ 50 ปี หรือ 55 ปี ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองไปตลอดชีวิตของผู้เอาประกัน และหากผู้เอาประกันเสียชีวิต (ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม) บริษัทประกันจะจ่ายผลประโยชน์เท่ากับจำนวนทุนประกันที่ผู้เอาประกันได้ซื้อไว้ ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งกำหนดระยะเวลาสุดท้ายของสัญญา เช่น ที่อายุ 90 ปี หรือ 99 ปี (แล้วแต่กรณี)

โดยจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ประกันตลอดชีพเหมาะกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นนั้น เนื่องจากประกันตลอดชีพเป็นหลักประกันได้ในทุกช่วงชีวิต เพราะเป็นการคุ้มครองระยะยาว ค่าเบี้ยประกันชีวิตจึงไม่สูงมาก สามารถเลือกระยะเวลาจ่ายเบี้ยประกันได้ว่าต้องการจ่ายนานแค่ไหน ซึ่งหากเราทำประกันชีวิตตั้งแต่ตอนอายุไม่มาก เบี้ยประกันชีวิตจะยิ่งถูกลงด้วย เพราะบริษัทประกันจะประเมินว่ามีความเสี่ยงตอนทำประกันชีวิตต่ำกว่า ทำให้เหมาะมากๆ กับช่วงที่ค่าครองชีพที่สูงขึ้นแบบนี้ นอกจากนี้ เราเองก็ยังสามารถได้รับความคุ้มครองที่สูงไม่แพ้ประกันที่ต้องจ่ายเบี้ยแพงๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประกันตลอดชีพจะมีจุดเด่นเรื่องเบี้ยรายปีต่ำ แต่ผู้เอาประกันยังคงต้องพิจารณาว่าเบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายนี้ เราจะสามารถจ่ายได้ตลอดรอดฝั่ง เพื่อไม่ให้การเงินของเราสะดุดและเสียเปล่าด้วย