ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
04 ตุลาคม 2565

ผื่นแดง มีไข้ ปวดข้อ เสี่ยงเป็นชิคุนกุนยา อีกหนึ่งโรคร้ายจากยุงลาย

 

เมื่อถึงฤดูที่ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง อากาศร้อนชื้นก็เป็นสภาพชั้นยอดต่อการแพร่พันธุ์ของยุงลาย สัตว์ที่ไม่ร้ายแต่นำพาโรคระบาดรุนแรงมาสู่มนุษย์ โรคที่มียุงลายเป็นพาหะนำเชื้ออันดับแรกที่หลายคนนึกถึงก็น่าจะเป็น โรคไข้เลือดออก แต่จริง ๆ แล้วยุงลายยังสามารถเป็นตัวแพร่เชื้อโรคอีกโรคหนึ่งด้วย นั่นก็คือ โรคชิคุนกุนยา ซึ่งถ้าดูเผิน ๆ แล้วอาการที่แสดงในเบื้องต้นจะมีความคล้ายคลึงกับโรคไข้เลือดออกมากเลยอาจจะทำให้เกิดการสับสนได้ และจริง ๆ แล้วโรคชิคุนกุนยาคืออะไร มีอาการอย่างไร และแตกต่างกับโรคไข้เลือดออกอย่างไรกันแน่ ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลย

 

โรคชิคุนกุนยาคืออะไร

                  คำว่า “ชิคุนกุนยา” (Chikungunya) เป็นภาษามากอนดี มีความหมายว่า “อาการงอตัว” ซึ่งสื่อได้ชัดเจนถึงอาการของผู้ป่วยที่มักแสดงออกมาด้วยอาการปวดข้อจนตัวงอ โรคชิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา และมีพาหะเป็นยุงลายเพศเมีย ทั้งชนิดยุงลายสวน (Aedes Albopictus) และยุงลายบ้าน (Aedes Aegypti) ซึ่งพบได้ทั้งในเมืองใหญ่และในชนบท ยุงลายจะออกหากินโดยการดูดเลือดคนในช่วงกลางวัน และจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ฝนตกชุกหรือบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง

 

โรคชิคุนกุนยาติดต่อได้ทางใดบ้าง

นอกจากจะเป็นโรคที่มียุงลายเป็นพาหะนำเชื้ออย่างที่เรารู้กันแล้ว โรคชิคุนกุนยายังสามารถติดต่อผ่านช่องทางอื่น ๆ ได้อีก คือ

1.        ติดต่อจากมารดาที่มีเชื้อสู่ทารกในระยะแรกคลอด – ในกรณีนี้ถึงแม้ในทางทฤษฎีจะสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่เคยพบรายงานว่ามีทารกติดเชื้อผ่านจากทางมารดา

2.        ติดต่อผ่านทางเลือด เช่น การให้หรือการรับเลือดที่มีเชื้อไวรัส

 

อาการของโรค

อาการของโรคชิคุนกุนยาแม้จะมีความคล้ายคลึงกับโรคไข้เลือดออก แต่ไม่รุนแรงเท่า โดยปกติแล้วจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเรื้อรังต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทำให้อาจถูกวินัจฉัยผิดว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้ ทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อชิคุนกุนยาอาจจะต้องรู้สึกทรมานกับอาการปวดไปเป็นเวลานาน เชื้อชิคุนกุนยาจะมีระยะการฟักตัว 3-7 วันหลังจากที่ถูกยุงกัด และเมื่อครบระยะฟักตัวก็จะเริ่มแสดงอาการดังนี้

•       อาการในผู้ใหญ่

•       มีไข้สูงเฉียบพลัน อาจสูงได้ถึง 40 องศาเซลเซียส และไข้จะเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อผ่านไป 2-3 วัน

•       ปวดข้อต่อทั้งข้อต่อขนาดเล็ก เช่น นิ้วมือ และข้อต่อขนาดใหญ่ เช่น ข้อศอก หัวเข่า รู้สึกเมื่อยกล้ามเนื้อ มีภาวะข้ออักเสบ มักจะรู้สึกปวดหลาย ๆ ข้อพร้อม ๆ กัน ในผู้ป่วยกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 45 ปีขึ้นไปอาจจะมีภาวะปวดข้อเรื้อรังได้

•       ผิวหนังจะมีสีแดงเพิ่มขึ้น เนื่องจากเส้นเลือดฝอยในชั้นผิวหนังขยายตัว

•       มีผื่นแดงขึ้นตามแขนขาหรือทั่วร่างกาย

•       ตาแดง แต่ไม่ค่อยพบจุดเลือดออกในตาขาว

•       มีภาวะเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อย

•       คลื่นไส้ อาเจียน ปวดกระบอกตาและปวดศีรษะ

•       อ่อนเพลีย หรือมีอาการท้องเสียร่วมด้วย

 

•       อาการในเด็ก

ในผู้ป่วยกลุ่มเด็กจะมีอาการคล้ายคลึงกับผู้ใหญ่ เพียงแต่ความรุนแรงของอาการต่าง ๆ จะไม่เท่ากับผู้ใหญ่

 

ชิคุนกุนยา vs ไข้เลือดออก

•       อาการไข้
ทั้งผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาและโรคไข้เลือดออกจะมีอาการไข้ขึ้นสูงเฉียบพลันเหมือนกัน แต่ผู้ป่วยชิคุนกุนยาไข้จะลดลงในช่วงวันที่ 2 ในขณะที่ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกไข้จะลดลงในช่วงวันที่ 4

•       อาการปวดข้อต่อและกล้ามเนื้อ
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะ ผื่นขึ้น และปวดเมื่อยตามข้อต่อและกล้ามเนื้อเหมือนกัน แต่ผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาจะมีอาการข้ออักเสบหลายข้อและเกิดขึ้นทั้งสองข้างอย่างสมมาตร มักจะปวดบริเวณข้อเล็ก เช่น มือและเท้า ในขณะที่ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจะรู้สึกปวดกล้ามเนื้อรุนแรงบริเวณหลังล่าง แขน และขา หากมีอาการปวดข้อจะเป็นบริเวณข้อเข่าและหัวไหล่

•       ลักษณะการกระจายของผื่นแดง
ผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาจะมีผื่นแดงเป็นปื้นขึ้นบริเวณใบหน้าและลำตัว มักจะพบที่ลำตัวและแขน ขาเป็นหลัก แต่ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออกจะมีผื่นแดงขึ้นกระจายที่แขน ขาและใบหน้าเป็นส่วนใหญ่

•       ความรุนแรงของอาการแทรกซ้อน
ในโรคชิคุนกุนยาอาจจะมีโรคแทรกซ้อนเป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อต่าง ๆ เช่น อาการปวดข้อเรื้อรัง ข้ออักเสบและเอ็นหุ้มข้ออักเสบ เป็นต้น แต่ไวรัสชิคุนกุนยาจะไม่ทำให้พลาสม่าไหลรั่วออกมานอกเส้นเลือด จึงทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการช็อกเหมือนกับผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก และโรคชิคุนยาจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากอาการแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับข้อต่อที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาอาจจะมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงแต่พบได้น้อยมาก เช่น

o   ม่านตาอักเสบ

o   จอตาอักเสบ

o   กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

o   ตับอักเสบ

o   เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

o   ไตอักเสบ

o   สมองและไขสันหลังอักเสบ

o   เส้นประสาทสมองเป็นอัมพาต

o   กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่ทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อใบหน้าและดวงตาได้ลำบาก

 

การตรวจวินิจฉัย

              เนื่องจากอาการโดยส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกับโรคไข้หลายชนิด เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้ซิกา การวินิจฉัยหาเชื้อได้อย่างแม่นยำจึงทำได้โดยการเก็บตัวอย่างเลือดและเสมหะของผู้ป่วยเข้าไปตรวจในกระบวนการในห้องปฏิบัติการ

 

การรักษา

ในปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถใช้รักษาโรคชิคุนกุนยาได้โดยเฉพาะ ดังนั้นโดยปกติแล้วจึงเป็นการรักษาตามอาการ

o   ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ

o   พักผ่อนให้เพียงพอ

o   รับประทานอาการที่มีประโยชน์

o   รับประทานยาลดไข้และบรรเทาอาการปวดที่เกิดขึ้น เช่น ยาพาราเซตอมอล ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน เป็นต้น

o   งดรับประทานยาแอสไพรินหรือยาต้านอักเสบจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่ได้เป็นโรคไข้เลือดออก เพราะยาแอสไพรินมีฤทธิ์ทำให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก

o   หมั่นเช็ดตัวผู้ป่วยเพื่อให้ไข้ลด

             

ไม่มีวัคซีนก็ป้องกันได้

                  เช่นเดียวกับยารักษาโรค ในปัจจุบันเราก็ยังไม่มีวัคซีนที่จะช่วยป้องกันโรคชิคุนกุนยาได้ แต่เรายังสามารถป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวให้ปลอดภัยจากความทรมานของโรคชิคุนกุนยาได้ดังนี้

o   ป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด เช่น หากอาศัยอยู่ในบ้านที่มียุงชุกชุม ควรนอนในมุ้ง หรือปิดหน้าต่างประตูให้มิดชิดไม่ใช้ยุงเข้ามาได้

o   ใช้ผลิตภัณฑ์กันยุงทั้งแบบที่ใช้ไล่ยุง และชนิดที่ฉีดหรือทาลงบนผิวหนัง

o   กรณีนอนในพื้นที่เปิดโล่ง หรือเปิดหน้าต่าง ควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เสื้อแขนยาว ขายาว และถุงเท้า

o   รักษาความสะอาดในบ้านไม่ให้มีมุมที่สามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงได้

o   สำรวจภาชนะใส่น้ำทั้งหมดในบ้านว่าปิดมิดชิดดีแล้วหรือไม่ อาจใช้ฝาหรือพลาสติกมาคลุมเพื่อไม่ให้ยุงมาวางไข่ได้

o   หากมีอ่างน้ำควรนำปลา เช่น ปลาหางนกยูงมาเลี้ยง เพื่อให้ปลาช่วยกำจัดไข่และลูกน้ำยุงได้ตามธรรมชาติ

o   กำจัดเศษขยะและวัสดุที่อาจทำให้มีน้ำขังได้ เช่น กะละมัง ขวดน้ำ แก้วน้ำ ควรคว่ำหรือนำไปทิ้งให้เรียบร้อย

o   ช่วยกันสอดส่องดูแลสุขลักษณะทั้งในบ้านและบริเวณรอบ ๆ บ้าน เพื่อช่วยให้บริเวณบ้านเป็นเขตปลอดยุง

 

โรคชิคุนกุนยาแม้จะมีอาการคล้ายคลึงกับโรคไข้เลือดออกเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่า และไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ถึงอย่างไรก็ตามโรคนี้ก็ยังสามารถทำให้ผู้ป่วยรู้สึกทรมานจากทั้งพิษไข้และอาการปวดต่าง ๆ ดังนั้นเมื่อเริ่มมีอาการไข้ขึ้นสูงผิดปกติควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการป่วยได้อย่างถูกต้อง เพื่อจะได้รักษาได้อย่างตรงตามอาการและปลอดภัย นอกจากนั้นการช่วยกันดูแลสอดส่องไม่ให้บริเวณบ้านเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแพร่พันธุ์ของยุงลายก็เป็นทางป้องกันในระยะยาวและปลอดภัยที่สุด ทุกคนในบ้านจะได้ไม่ต้องคอยกังวลกับโรคร้ายที่จะเกิดขึ้น

สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต หากมีอาการป่วยเล็กน้อยและต้องการปรึกษาแพทย์เบื้องต้น สามารถใช้บริการกรุงไทย-แอกซ่า เทเลเฮลท์ (TeleHealth) บน Emma by AXA ได้ แต่กรณีที่มีไข้สูงติดต่อกันหลายวัน ควรพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก https://www.krungthai-axa.co.th/th/health-services/telehealth

 

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       โรงพยาบาลสมิติเวช
https://bit.ly/3NMgwR6

·       คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
https://si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=955&aid=955

·       โรงพยาบาลกรุงเทพ
https://bit.ly/3HaX3H6

·       โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/january-2020/chikungunya-virus
https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/january-2019/chikungunya

·       โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย
https://bit.ly/3xFuNte

·       เว็บไซต์พบแพทย์
https://bit.ly/3zuVxxU

·       โรงพยาบาลพญาไท
https://bit.ly/3HewfWC

บทความสุขภาพที่สำคัญ