ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
19 กรกฎาคม 2565

วุ้นตาเสื่อม เกิดจาก? อาการวุ้นตาเสื่อม รักษาอย่างไร รักษาได้ไหม-อย่างไร คลิก!

หลายคนอาจไม่ทราบว่าในตาของเรามีของเหลวที่เรียกว่า วุ้นตา ซึ่งสามารถเสื่อมไปตามการใช้งานได้ เมื่อวุ้นตาเสื่อมจะส่งผลให้การมองเห็นผิดเพี้ยนไป แม้จะเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตา ภาวะนี้ไม่อันตรายอย่างที่คิดหากรีบรับการรักษา เราได้นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของภาวะวุ้นตาเสื่อมมาแชร์ต่อ เพื่อให้ทุกคนได้รู้เท่าทันและสามารถรักษาได้เร็ว

วุ้นตา และภาวะวุ้นตาเสื่อม

            วุ้นตา (Vitreous) เป็นส่วนประกอบของดวงตาที่อยู่ในบริเวณช่องตาส่วนหลัง มีลักษณะเป็นเจลหนืดสีใสคล้ายไข่ขาว มีส่วนประกอบเป็นน้ำ 99% มีหน้าที่คงภาวะของลูกตา เมื่อวุ้นตาเสื่อมลงจะค่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นจนสังเกตหรือสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง โดยปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของภาวะวุ้นตาเสื่อมมีหลากหลายปัจจัย แบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทดังนี้

·         อายุ ส่วนใหญ่แล้ววุ้นตาจะเสื่อมตามวัย ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยจะเริ่มเสื่อมเมื่อย่างเข้าวัยสูงอายุหรืออายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปนั่นเอง

·         สุขภาพของดวงตา กลุ่มคนที่มีปัญหาสายตาสั้น จะมีแนวโน้มการเสื่อมของวุ้นตาเร็วกว่าคนสายตาปกติ โดยเฉพาะคนที่มีสายตาสั้นมากกว่า 600 ขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีการบาดเจ็บที่ดวงตา เป็นแผล และมีการอักเสบ

·         ประวัติของผู้ป่วย ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดบริเวณดวงตา เคยเกิดการกระทบกระเทือนกับดวงตาจะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะวุ้นตาเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป

·         โรคประจำตัว ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจเกิดภาวะเบาหวานขึ้นตา ที่เกิดจากน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้หลอดเลือดและระบบประสาททำงานผิดปกติ เมื่ออาการรุนแรงขึ้นอาจทำให้เกิดเลือดออกในวุ้นตา ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดภาวะวุ้นตาเสื่อมนั่นเอง

·         ไลฟ์สไตล์ของผู้ป่วย คนที่ใช้สายตามากไม่ว่าจะเป็น เล่นมือถือ อ่านหนังสือ ทำงานที่ต้องจ้องหรือเพ่งจอคอมเป็นเวลานาน ที่ทำให้เกิดการสั้นของสายตาแบบชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยนี้ยังไม่มีการวิจัยรับรองแน่ชัด เชื่อว่าไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่อาจเป็นผลมาจากการเพ่งตาเป็นเวลานานนั้นจะทำให้รู้สึกไม่สบายตา ตาล้า เคืองตา จนไปถึงขั้นปวดตา

 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณเริ่มมีภาวะวุ้นตาเสื่อม

            เราสามารถสังเกตภาวะวุ้นตาเสื่อมได้ด้วยตัวเองเมื่อวุ้นตามีความเหลวลง หดตัว และขุ่นขึ้น เช่น มีเงาดำ จุดดำ เส้นคล้ายใยแมงมุมหรือวงเมฆบาง ๆ เคลื่อนที่ไปมาเมื่อใช้สายตา โดยจะสังเกตเห็นได้ชัดเมื่อมองสิ่งต่าง ๆ ในบริเวณที่มีแสงสว่างจ้า แต่เมื่อใดที่ตั้งใจมอง ความผิดปกติต่าง ๆ ที่กล่าวมาจะหายไปแทบจะทันที

 

ภาวะวุ้นตาเสื่อม VS จอประสาทตาเสื่อม

            แม้ทั้ง 2 โรคนี้จะเกิดจากการเสื่อมสภาพของดวงตาและเกิดขึ้นในผู้สูงวัยเหมือนกันแต่มีอาการที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามยังมีบางอาการที่มีความคล้ายคลึงกัน จึงทำให้หลายคนเกิดความสับสนได้ โดยอาการที่คล้ายกันคือ มองภาพแล้วเห็นจุดดำ รวมถึงอาการเห็นแสงวาบที่บ่งบอกว่าจอประสาทตามีความผิดปกติ สำหรับอาการที่แตกต่างกันนั้นในภาวะวุ้นตาเสื่อมผู้ป่วยจะเห็นเงาหรือเส้นสายต่าง ๆ  ส่วนจอประสาทตาเสื่อมผู้ป่วยจะเหนภาพเบลอ ภาพบิดเบี้ยว รวมถึงอาจเห็นสีผิดเพี้ยนอีกด้วย

สามารถอ่านความรู้เรื่องจอประสาทตาเสื่อมเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

อาการจากภาวะวุ้นตาเสื่อมที่ควรไปพบแพทย์

            ภาวะวุ้นตาเสื่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นหรือมีปัจจัยเร่งในบางกรณี โดยปกตินับเป็นความผิดปกติของดวงตาที่ไม่อันตราย ซึ่งมีลักษณะความผิดปกติที่แตกต่างออกไปจนสามารถสังเกตได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่

·         ระยะที่ 1 ผู้ป่วยจะเห็นจุดดำ เงาหรือเส้นสายต่าง ๆ ซึ่งจะเคลื่อนไหวไปมาได้เมื่อเรากรอกตา ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกรำคาญภาพกวนใจในตอนแรก แต่ความรู้สึกรำคาญนั้นจะหายไปเพราะผู้ป่วยจะเริ่มชินไปเอง

·         ระยะที่ 2 ในระยะนี้เป็นระยะที่วุ้นตาเหลวกลายสภาพเป็นน้ำ อีกทั้งเกิดการหดตัวกลายเป็นตะกอนขุ่นและทำให้วุ้นตาลอกออกจากผิวจอตา ซึ่งการหดตัวของวุ้นตาที่ไปดึงรั้งผิวจอตานั้นจะไปกระตุ้นจอตา ทำให้ผู้ป่วยเห็นเป็นแสงวาบคล้ายแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูปหรือเห็นแสงฟ้าแลบแม้ผู้ป่วยจะหลับตาอยู่ก็ตาม

·         ระยะที่ 3 เป็นระยะอันตรายเนื่องจากจอประสาทตาฉีกขาด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย โดยเกิดจากตะกอนในวุ้นตาเกาะตัวกันเป็นก้อน หรือมีเลือดออกจากวุ้นตาไปดึงรั้งจอตาให้ฉีกขาด ทำให้ผู้ป่วยเห็นเงาดำ ทำให้ลดประสิทธิภาพการมองเห็น และถ้าหากวุ้นตาเกิดแทรกซึมเข้าไปในรอยฉีกขาด จะทำให้จอตาลอกจนสุดท้ายอาจสูญเสียการมองเห็นในที่สุด

 

บทความสุขภาพที่สำคัญ