ไม่มีข้อมูล

ค้นหาในทุกหมวด
*โปรดระบุคำค้นหา
01 กุมภาพันธ์ 2566

คิดบวกจนติดลบ หรือภาวะ Toxic Positivity

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแนวคิดเรื่อง “การคิดบวก” ได้รับการกล่าวถึง และนำมาใช้อย่างแพร่หลาย เชื่อกันว่าการคิดบวกจะช่วยให้เราก้าวผ่านความยากลำบากต่าง ๆ ไปได้ หลายคนก็คุ้นชินกับการซ่อนความเศร้า และความผิดหวังไว้ภายใต้หน้ากากแห่งความสุขหรือรอยยิ้ม ท้ายที่สุดก็หลงติดอยู่กับโลกแห่งความสดใสที่ไม่มีอยู่จริง จนเป็นสาเหตุของปัญหาด้านจิตใจแบบเรื้อรัง

 

Toxic Positivity คืออะไร?

              Toxic Positivity คือ การมองโลกในแง่บวกที่เกินพอดี มองเห็นทุกอย่างเป็นความสุข และคาดหวังความสวยงาม มองว่าการรักษาสภาวะความสุขคือทางออกเพียงอย่างเดียวของทุกปัญหา จนละเลยอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้น เช่น ความเสียใจ ความผิดหวัง ความท้อแท้ ความโกรธ เป็นต้น พฤติกรรมเช่นนี้จะนำไปสู่สภาวะของ “การปฏิเสธความจริง”

                  ความแตกต่างระหว่าง Positive Thinking (การคิดบวก) กับ Toxic Positive (การคิดบวกจนเป็นพิษ) คือ Positive Thinking เป็นการพุ่งความสนใจไปที่ผลประโยชนที่ได้รับจากประสบการณ์ในการเผชิญกับปัญหา แต่ Toxic Positive คือ การเรียกร้องอารมณ์เชิงบวกโดยปฏิเสธที่จะรับรู้ความรู้สึก และอารมณ์เชิงลบที่เกิดขึ้นทั้งต่อตนเอง และต่อคนอื่น โดยการกดข่มเอาไว้

                  แนวคิดแบบ Toxic Positive นอกจากจะไม่ช่วยสร้างพลังในการดำรงชีวิตแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความเครียด และความกดดันในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรง เช่น การสูญเสียคนที่รัก การผิดหวังครั้งใหญ่ เป็นต้น การบังคับให้ตนเองหาความสุขจากความทุกข์แสนสาหัสที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น คือการฝืนธรรมชาติของมนุษย์จนอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตอย่างรุนแรงได้

 

เมื่อเสียใจ ร้องไห้บ้างก็ได้

              อารมณ์เชิงลบของมนุษย์ คือ กลไกที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ในการดำรงชีวิต เช่น ความกลัว เตือนให้เราตื่นตัวระมัดระวังต่อสิ่งรอบข้าง ความรู้สึกผิด ช่วยสะท้อนให้เราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่ดี ความโกรธ กระตุ้นให้เราต่อสู้กับปัญหา เป็นต้น การเพิกเฉยต่ออารมณ์ด้านลบจึงทำให้เราพลาดโอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านั้น เมื่อต้องเผชิญกับความเศร้า ความโกรธ ความเสียใจ เราไม่ควรที่จะพยายามละเลยไม่รับรู้สภาวะที่เกิดขึ้น เพราะหากเราเก็บสะสมอารมณ์เหล่านี้ไว้มากเกินไป ท้ายที่สุดก็จะถึงจุดระเบิดออกมา ในทางกลับกันเราควรสังเกตและรับรู้อารมณ์ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน ให้เวลาตัวเองในการเผชิญหน้ากับความรู้สึกนั้น การอนุญาตให้ตัวเองได้แสดงอารมณ์ออกมาผ่านการระบายหรือการร้องไห้ เป็นกลไกของร่างกายที่ช่วยให้เราปลดปล่อยความเจ็บปวดทางอารมณ์และความเครียดออกมา ถือว่าเป็นการให้สมอง และร่างกายได้ปรับความสมดุลก่อนจะเกิดความเสียหายที่เราไม่ต้องการ

 

ยอมรับและก้าวผ่าน

                  ไม่มีความรู้สึกใดที่จะอยู่ถาวร ทั้งความเสียใจ ความผิดหวัง เช่นเดียวกับความสุข ความสนุก ทุกอารมณ์เกิดขึ้นและก็จะดับไป เราจำเป็นต้องปล่อยให้ตัวเองได้รับประสบการณ์เหล่านั้นเพื่อการเติบโตในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เมื่อผ่านประสบการณ์ร้าย ๆ การอนุญาต ให้ตัวเองได้อยู่กับช่วงเวลานั้น ผ่านกระบวนการต่าง ๆ จะช่วยให้จิตใจของเราแข็งแรงและพบความสมดุลในการใช้ชีวิตมากขึ้น และเมื่อเราสามารถโอบกอดความรู้สึกทั้งด้านบวกและด้านลบของตัวเองได้ เราก็จะมีพลังงานมากพอที่จะยอมรับด้านมืดและด้านสว่างของคนอื่นได้เช่นกัน

 

สำหรับลูกค้ากรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการสุขภาพด้านต่างๆได้ที่ https://www.krungthai-axa.co.th/th/HealthServices

แหล่งที่มาของข้อมูล

·       Harvard Medical School
https://www.health.harvard.edu/blog/is-crying-good-for-you-2021030122020

·       Harvard Business Review
https://hbr.org/2020/11/its-okay-to-not-be-okay

·       National Education Association
https://1th.co/go4zY4zY4zY

·       The Psychology Group
https://thepsychologygroup.com/toxic-positivity/

·       Psychology Today
https://1th.co/go4zX4zX4zX

·       Medical News Today
https://www.medicalnewstoday.com/articles/toxic-positivity#risks

·       Positive Psychology
https://positivepsychology.com/negative-emotions/
https://positivepsychology.com/positive-negative-emotions/

บทความสุขภาพที่สำคัญ